ค่ายรถหวั่นจ่ายค่าปรับอื้อหลังยอดขายEVวูบ
ค่ายรถห่วงจ่ายค่าปรับอื้อ ปมพลาดเป้าลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกของ EU หลังยอดขาย EV ชะลอ
ผู้ผลิตรถยนต์ที่ดำเนินงานในยุโรปมีความกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับความเสี่ยงที่จะต้องจ่ายค่าปรับจำนวนมาก ท่ามกลางกระแสความต้องการรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่ชะลอตัว ก่อนหน้าการบังคับใช้กฎระเบียบใหม่ของสหภาพยุโรป (EU) ที่ควบคุมการปล่อยคาร์บอนเข้มงวดขึ้น
นับตั้งแต่ปีหน้า EU กำหนดให้รถใหม่จะต้องปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์โดยเฉลี่ยลดลง อยู่ที่ 93.6 กรัมต่อกิโลเมตร ลดลงร้อยละ 15 เมื่อเทียบกับระดับในปี 2564 ที่อยู่ที่ 110.1 กรัมต่อกิโลเมตร
หากผู้ผลิตรถปล่อยมลพิษเกินค่าเฉลี่ยที่กำหนดไว้ ก็อาจจะถูกปรับเป็นจำนวนมหาศาล ซึ่งมาตรการดังกล่าวเป็นความพยายามของสมาชิก EU ตกลงกันเมื่อปี2562 เพื่อบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2593
“ริโค ลูแมน” นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสด้านการคมนาคมและโลจิสติกส์ของ ING ระบุว่า ผู้ผลิตรถยนต์ในยุโรปมีเหตุผลที่จะกังวลเกี่ยวกับขอบเขตการจ่ายปรับที่สูง
“ลูกา เดอ มีโอ” CEO ของ “เรโนลต์” ประเมินเมื่อเดือนที่แล้วว่า หากยอดขาย EV ยังคงอยู่ในระดับปัจจุบัน อุตสาหกรรมรถยนต์ของยุโรปอาจจะต้องจ่ายค่าปรับราว 1.5 หมื่นล้านยูโร หรือ 1.65 หมื่นล้านดอลลาร์ หรืออาจต้องยกเลิกการผลิตรถมากกว่า 2.5 ล้านคัน
สมาคมผู้ผลิตรถยนต์ยุโรป (ACEA) ระบุว่า อุตสาหกรรมรถยนต์ขาดเงื่อนไขสำคัญเพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการบรรลุเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สำหรับรถยนต์และรถตู้ในปี 2568
ขณะนี้ผู้ผลิตรถยนต์ในยุโรปกำลังความท้าทายครั้งใหญ่เกี่ยวกับการเปลี่ยนผ่านสู่การใช้รถ EV อาทิ การขาดแคลนรถรุ่นราคาประหยัด การติดตั้งสถานีชาร์จที่ล่าช้า และผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากภาษี EV ระหว่างยุโรปกับจีน
ข่าวแนะนำ