อวสานสายแชร์ "Disney" ตัดจบสัปดาห์นี้ l การตลาดเงินล้าน

สัปดาห์นี้ Disney+ เริ่มแจ้งให้สมาชิกทราบว่ามีตัวเลือกการแชร์รหัสแบบชำระเงินในหลายรูปแบบให้บริการแล้ว ซึ่งเป็นวิธีใหม่ให้ผู้ใช้งานในการชำระเงินเพื่อเข้าถึง Disney+ ในนามของสมาชิกในครอบครัวหรือเพื่อนที่ไม่ได้อยู่ในครัวเรือนเดียวกันที่อาจจะใช้บัญชีอย่างผิดกฎหมาย

คุณสมบัติและความสามารถในการแชร์แบบชำระเงินของ Disney+ มีให้บริการแล้วในสหรัฐอเมริกา แคนาดา คอสตาริกา กัวเตมาลา ยุโรป และภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก หลังเปิดตัวในบางตลาดไปตั้งแต่ช่วงฤดูร้อน

บริษัทอธิบายในข้อความถึงลูกค้าว่า ใครก็ตามที่อาศัยอยู่นอกครัวเรือนของลูกค้า Disney+ จะต้องลงทะเบียนและชำระค่าสมัครสมาชิกของตนเอง หรือถูกเพิ่มเป็นสมาชิกพิเศษในบัญชีอื่นโดยมีค่าธรรมเนียมรายเดือนเพิ่มเติมเพื่อจะได้เพลิดเพลินกับ Disney+ ต่อไป

ในสหรัฐฯ โปรไฟล์สมาชิกพิเศษจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม 6.99 ดอลลาร์ หรือ 226 บาทต่อเดือนสำหรับการสมัครสมาชิก Disney+ Basic และ 9.99 ดอลลาร์ หรือ 324 บาทต่อเดือนสำหรับการสมัครสมาชิก Disney+ Premium ซึ่งปัจจุบันหนึ่งบัญชีหลักจะมีสมาชิกพิเศษได้เพียงช่องเดียว นอกจากนี้ ตัวเลือกสมาชิกพิเศษยังไม่มีให้บริการสำหรับสมาชิก Disney Bundle หรือสมาชิกที่เรียกเก็บเงินผ่านพันธมิตรบุคคลที่สาม

การเปิดตัวการแชร์รหัสแบบชำระเงินของ Disney+ เกิดขึ้นไม่ถึง 1 เดือน ก่อนที่ราคาในสหรัฐฯ จะถูกปรับขึ้น โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 17 ตุลาคม ที่ Disney+ Basic (พร้อมโฆษณา) จะเพิ่มขึ้นจาก 7.99 ดอลลาร์ หรือ 259 บาทมาเป็น 9.99 ดอลลาร์ หรือ 324 บาทต่อเดือน และ Disney+ Premium (ไม่มีโฆษณา) ขึ้นราคาจาก 13.99 ดอลลาร์ หรือ 453 บาท มาเป็น 15.99 ดอลลาร์ หรือ 518 บาทต่อเดือน ซึ่ง Disney ยังกำลังขึ้นราคาของ Hulu, ESPN+ และบริการอื่น ๆ อีกด้วย

แต่หลักการใช้งานในครัวเรือนที่เข้มงวดขึ้นนี้ก็ทำให้เกิดข้อสงสัยว่าถ้าหากเดินทางออกนอกบ้านจะใช้งานได้หรือไม่ บริษัทอธิบายว่าผู้ใช้ Disney+ ที่จะเดินทางออกนอกบ้านยังคงสามารถเข้าถึงบริการได้ โดยเมื่อเห็นข้อความแจ้งว่า ดูเหมือนว่าทีวีเครื่องนี้ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของครัวเรือนสำหรับบัญชีนี้ ให้ผู้ใช้งานทำเครื่องหมายระบุตัวเองว่าอยู่ห่างจากบ้าน หรือเลือกอัปเดตครัวเรือน ถ้าหากคุณเพิ่งย้ายบ้านและจำเป็นต้องรีเซ็ตตำแหน่งครัวเรือนสำหรับการสมัครสมาชิก Disney+ ใหม่

ไม่เพียงเท่านี้ Disney ยังกำลังวางแผนที่จะเปิดตัวการปราบปรามการแบ่งปันรหัสผ่านสำหรับ Hulu และ ESPN+ ด้วย โดยก่อนการบังคับใช้หลักเกณฑ์นี้เมื่อต้นปีที่ผ่านมา Disney+, Hulu และ ESPN+ ได้แจ้งให้ลูกค้าในสหรัฐฯทราบถึงการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขการสมัครสมาชิก ซึ่งขณะนี้ห้ามผู้ใช้อย่างชัดเจนไม่ให้เปิดเผยรายละเอียดการเข้าสู่ระบบกับใครก็ตามที่ไม่ได้อาศัยอยู่ในที่อยู่อาศัยหลักของตน

Disney กำลังคัดลอกความสำเร็จของ Netflix เพื่อลดการแชร์รหัสผ่าน ผู้บริหารของ Netflix ให้เครดิตโครงการริเริ่มการแบ่งปันบัญชีซึ่งเริ่มเมื่อปีที่แล้วในกว่า 100 ประเทศว่า ช่วยเพิ่มจำนวนสมาชิกได้จำนวนมาก 

ด้าน Warner Bros. Discovery กล่าวว่ามีแผนจะเปิดตัวโปรแกรมบังคับใช้การแบ่งปันรหัสผ่านที่คล้ายกันสำหรับ Max ในปีนี้เช่นกัน