สหรัฐฯ ฟ้อง "Visa" ผูกขาดการแข่งขัน l การตลาดเงินล้าน
กระทรวงยุติธรรมสหรัฐ ยื่นฟ้อง Visa กล่าวหาว่าละเมิดกฎหมายต่อต้านการผูกขาด
กระทรวงยุติธรรมกล่าวว่า Visa ซึ่งเป็นหนึ่งในเครือข่ายการชำระเงินที่ใหญ่ที่สุดในโลก ที่ดำเนินธุรกรรมเดบิตมากกว่าร้อยละ 60 ในสหรัฐฯ ทำให้สร้างรายได้จากค่าธรรมเนียมถึง 7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯต่อปี และอัยการกล่าวหาว่าบริษัทปกป้องข้อได้เปรียบนี้ผ่านการทำข้อตกลงกับผู้ออกบัตร ร้านค้า และคู่แข่ง
จูลี่ รอทเทนเบิร์ก ที่ปรึกษาทั่วไปของ Visa กล่าวว่าการแข่งขันในตลาดเดบิตกำลังบีบคั้น แต่ธุรกิจและผู้บริโภคเลือก Visa เพราะเครือข่ายที่ปลอดภัย เชื่อถือได้ การป้องกันการฉ้อโกงระดับโลก โดยบริษัทจะยื่นอุทธรณ์ต่อข้อกล่าวหานี้อย่างถึงที่สุด
การจัดการค่าธรรมเนียม ซึ่งบางครั้งเรียกว่าค่ารูดบัตรหรือค่าธรรมเนียมการแลกเปลี่ยน เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามของฝ่ายบริหารของไบเดนในการต่อสู้กับราคาผู้บริโภคที่สูงขึ้น ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญในการเลือกตั้งประธานาธิบดีในวันที่ 5 พฤศจิกายนนี้ ระหว่างกมลา แฮร์ริส จากพรรคเดโมแครต และโดนัลด์ ทรัมป์จากพรรครีพับลิกันด้วย
ด้านเมอร์ริก การ์แลนด์ อัยการสูงสุด กล่าวในแถลงการณ์ว่าการกระทำที่ผิดกฎหมายของ Visa ไม่เพียงส่งผลกระทบต่อราคาของสิ่งหนึ่งเท่านั้น แต่ยังรวมถึงราคาของแทบจะทุกอย่าง เมื่อสังเกตว่าร้านค้าและธนาคารส่งต่อภาระค่าใช้จ่ายจากเครือข่ายการชำระเงินให้กับผู้บริโภค
นอกจากนี้อัยการยังกล่าวหาว่า Visa ทำข้อตกลงที่ให้ผลกำไรกับผู้ที่มีศักยภาพว่าจะกลายมาเป็นคู่แข่งทางเทคโนโลยีทางการเงิน เช่น Apple, PayPal และ Square ว่าจะไม่ปล่อยผลิตภัณฑ์ที่คุกคามบริษัทออกมา
ซึ่ง PayPal ปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็น ส่วน Apple และ Block ก็ไม่ตอบสนองต่อคำร้องขอความคิดเห็น
ในคำร้องยังระบุอีกว่า บรรดาเครือข่ายบัตรต่าง ๆ ยังตั้งบทลงโทษทางการเงินกับร้านค้าที่ไม่เปิดให้มีการทำธุรกรรมทั้งหมดหรือธุรกรรมส่วนใหญ่ผ่านเครือข่ายของ Visa อีกด้วย
ข่าวแนะนำ