TNN รฟฟท. MOU "รถไฟฟ้าโฮจิมินห์" ถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านการเดินรถ

TNN

เศรษฐกิจ

รฟฟท. MOU "รถไฟฟ้าโฮจิมินห์" ถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านการเดินรถ

รฟฟท. MOU รถไฟฟ้าโฮจิมินห์ ถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านการเดินรถ

รฟฟท. ลงนามความร่วมมือกับ HO CHI MINH CITY URBAN RAILWAYS NO.1 พร้อมถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านการเดินรถไฟฟ้า และร่วมมือในการพัฒนาระบบขนส่งทางรางอย่างยั่งยืน

นายสุเทพ พันธุ์เพ็ง กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด หรือ ผู้ให้บริการรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้มีการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับ บริษัท Ho Chi Minh City Urban Railways No.1 จำกัด เพื่อเป็นการแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันในการแลกเปลี่ยนความรู้ และทักษะต่างๆ เสริมสร้างศักยภาพในการบริหารจัดการเดินรถไฟฟ้า 


โดยภายในพิธีฯ มีการลงนามความร่วมกันระหว่างทั้งสองหน่วยงาน ประกอบด้วย นายสุเทพ พันธุ์เพ็ง กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด และ Mr. Le Minh Triet ประธานคณะกรรมการและกรรมการ HO CHI MINH CITY URBAN RAILWAYS NO.1 COMPANY LIMITED โดยมีคณะผู้บริหาร บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด และสื่อมวลชน ร่วมเป็นสักขีพยาน ณ นครโฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม 


ทั้งนี้ บันทึกข้อตกลงความร่วมมือฉบับนี้ ถือเป็นก้าวแรกที่สำคัญที่ทั้ง 2 หน่วยงาน ได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้านการพัฒนาระบบขนส่งทางรางของทั้ง 2 ประเทศ รวมถึงแลกเปลี่ยนแนวคิดในด้านการเดินรถไฟฟ้า ด้านการสื่อสาร และการตลาด ด้านธุรกิจเชิงพาณิชย์ รวมถึงด้านความต้องการของผู้ใช้บริการ 


โดยบริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด ยินดีที่จะถ่ายทอดองค์ความรู้ และประสบการณ์ดำเนินงานในด้านต่างๆ จากประสบการณ์มากกว่า 14 ปี ที่บริษัทฯ ได้ดำเนินกิจการในฐานะผู้ให้บริการเดินรถไฟฟ้า 


เริ่มจาก การบริหารโครงการระบบขนส่งมวลชนทางรถไฟเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และสถานีรับส่งผู้โดยสารท่าอากาศยานกรุงเทพมหานคร หรือ รถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ จนมาถึงการบริหารการเดินรถโครงการรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง 


ทั้งนี้ในปัจจุบัน HO CHI MINH CITY URBAN RAILWAYS NO.1 (HURC1) อยู่ระหว่างการทดลองเดินรถไฟฟ้า ยังไม่เปิดให้บริการอย่างเต็มรูปแบบ โดยบริษัทฯ หวังว่า การลงนามดังกล่าว จะเป็นประโยชน์ในการเดินรถไฟฟ้าในประเทศเวียดนาม และมีความพร้อมที่จะเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์ในอนาคต 


ดังนั้น ความร่วมมือครั้งนี้ถือ เป็นบทบาทสำคัญในการพัฒนาระบบขนส่งรางทั้งในประเทศไทย และเวียดนาม ซึ่งจะส่งผลให้ช่วยสร้างความสะดวกสบายให้กับประชาชน และเสริมสร้างศักยภาพการคมนาคมได้อย่างยั่งยืน

ข่าวแนะนำ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง