วันหยุด "วันแรงงานแห่งชาติ" คาดเงินสะพัด 2.1 พันล้าน ขยายตัวสูงสุดในรอบ 5 ปี
มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย คาด วันหยุดวันแรงงาน จะมีเงินสะพัด 2,117 ล้านบาท ถือเป็นการใช้จ่ายสูงสุดในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา
นายธนวรรธน์ พลวิชัย ประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ และอธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยผลการสำรวจเกี่ยวกับมาตรการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาททั่วประเทศของรัฐบาล พบว่า แรงงานไทย มีมูลค่าหนี้สินเฉลี่ยต่อครัวเรือนอยู่ที่ประมาณ 344,500 บาท ปรับเพิ่มขึ้นจากปี 2566 ซึ่งอยู่ประมาณ 272,5000 บาท เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 26.4
โดยแรงงานปัจจุบันมองว่าค่าจ้างขั้นต่ำมีความเหมาะสมปานกลางร้อยละ 38.2 และเหมาะสมน้อยถึงน้อยมากร้อยละ 40 โดยระบุสาเหตุว่าเพราะราคาสินค้าที่ปรับตัวขึ้น ไม่สมดุลกับรายได้ที่น้อย ทำให้มีภาระหนี้สูง และค่าใช้จ่ายเพิ่มสูงขึ้น
นอกจากนี้ ยังพบข้อมูลที่น่าสนใจ เกี่ยวกับสถานภาพหนี้ของแรงงาน ที่มีจำนวนสูงถึงร้อยละ 98.8 ที่ระบุว่ามีหนี้ ส่วนกลุ่มที่ไม่มีหนี้มีเพียงร้อยละ 1.2 เท่านั้น วัตถุประสงค์ในการก่อหนี้ เช่น เป็นหนี้ส่วนบุคคลหรือหนี้บัตรเครดิต ใช้หนี้เงินกู้ หนี้ที่อยู่อาศัย โดยในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา เกือบครึ่งหนึ่งเคยประสบปัญหาผิดนัดการผ่อนชำระหนี้ โดย 1 ใน 3 ระบุว่าสาเหตุมาจากรายได้ไม่เพียงพอกับค่าใช้จ่าย เพราะราคาสินค้าแพงขึ้น ภาระหนี้มากขึ้น แต่รายได้ไม่เพิ่มตามราคาสินค้า ดอกเบี้ยสูงขึ้น ส่วนการแก้ปัญหา ส่วนใหญ่จะเลือกกู้ยืมเงินในระบบ ที่เหลือจะหาอาชีพเสริม ขอความช่วยเหลือจากญาติพี่น้อง กู้ยืมและยังมีผู้ใช้แรงถึงร้อยละ 15.7 เลือกจะกู้เงินนอกระบบ ซึ่งถือว่าสูงขึ้นกว่าปี 2566 ซึ่งอยู่ประมาณร้อยละ 9.7 ด้วย
สำหรับในวันหยุดแรงงานนี้คาดว่า ผู้ใช้แรงงานจะมีมูลค่าการใช้จ่ายเฉลี่ยที่คนละ 2,655 บาท ซึ่งจะทำให้มีเงินสะพัดประมาณ 2,117 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 2.4 เมื่อเทียบกับปี 2566 ที่อยู่ประมาณ 2,067 ล้านบาท ถือเป็นการใช้จ่ายสูงสุดในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่เกิดสถานการณ์โควิด-19
ส่วนกิจกรรมที่นิยมทำในวันหยุดแรงงาน อันดับ 1 คือ จะออกไปซื้อของ รองลงมาคือ พักผ่อนอยู่บ้าน ออกไปกินอาหารนอกบ้าน ไปท่องเที่ยว และไปสังสรรค์ ตามลำดับ
ข่าวแนะนำ