ผู้นำโลกย้ำเร่งสู้ "โลกร้อน" ด่วน แต่งานนี้ยังไร้เงาผู้นำชาติมหาอำนาจ

“ติง” ในฐานะผู้แทนพิเศษของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน ในการเข้าร่วมประชุมครั้งนี้ กล่าวด้วยว่า จีนคาดหวังว่าการประชุมสุดยอดครั้งนี้จะมีการกำหนดเป้าหมายการระดมทุนที่ทะเยอทะยานมากขึ้น

ทั้งนี้ “ประธานาธิบดีสี” เป็นหนึ่งในบรรดาผู้นำจากประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่หลายประเทศที่ไม่ได้เข้าร่วมประชุมในกรุงบากู ซึ่งรวมถึงประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน และอัวร์ซูลา ฟอน แดร์ ไลเอิน ประธานกรรมาธิการยุโรป 

ด้าน “เคียร์ สตาร์เมอร์” นายกรัฐมนตรีอังกฤษ เรียกร้องให้ประเทศต่าง ๆ ปฏิบัติตามและร่วมมือกับสหราชอาณาจักร ในการกำหนดเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้มากขึ้น โดยผู้นำอังกฤษ กล่าวต่อที่ประชุมสุดยอด COP29 เน้นย้ำเป้าหมายที่ประกาศใหม่ของอังกฤษในการลดก๊าซเรือนกระจกลงร้อยละ 81 ภายในปี 2035 โดยเขามุ่งมั่นที่จะให้ประเทศบรรลุเป้าหมายด้านสภาพภูมิอากาศที่มีความทะเยอทะยานมากขึ้น

เป้าหมายใหม่สอดคล้องกับคำแนะนำของคณะกรรมการที่ปรึกษาด้านสภาพภูมิอากาศ ซึ่งเมื่อเดือนที่แล้วได้กล่าวว่า เป้าหมายควรจะเกินกว่าการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในปัจจุบัน ซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 78 เมื่อเทียบกับระดับในปี 1990

“สตาร์เมอร์” ยังกล่าวอีกว่า การเงินของภาครัฐควรจะเพิ่มขึ้นทวีคูณ เพื่อปลดล็อกการลงทุนภาคเอกชนเพิ่มเติม และปฏิรูปสถาบันการเงินระหว่างประเทศโดยมีเป้าหมายเพื่อแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

ส่วนนายกรัฐมนตรีสเปน “เปโดร ซานเชซ” แถลงว่า รัฐบาลทั่วโลกต้องจัดการกับปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพื่อรับประกันว่า ภัยพิบัติเช่นที่เกิดน้ำท่วมครั้งเลวร้าย สร้างความเสียหายอย่างหนักในแคว้นบาเลนเซียของสเปนเมื่อวันที่ 29 ตุลาคมที่ผ่านมา จะไม่เป็นภัยพิบัติที่เกิดถี่ขึ้น โดย “ซานเชซ” กล่าวต่อที่ประชุม COP29 ว่า น้ำท่วมในบาเลนเซีย ซึ่งมีผู้เสียชีวิต 220 ราย จะไม่ก่อให้เกิดความเสียหายเลวร้ายขนาดนี้ หากไม่ใช่เพราะการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ 

เขากล่าวอีกว่า “โลกจึงส่งสัญญาณที่ดังมากขึ้นเรื่อย ๆ ให้กับเรา และหากเราไม่ดำเนินการในอนาคตอันใกล้ ประเทศของเราจะประสบกับภัยแล้ง, คลื่นความร้อน, ฝนตกหนัก, ไฟไหม้ และโรคภัยไข้เจ็บมากขึ้น”

และการประชุม World Leaders Climate Action Summit หรือการประชุมสุดยอดผู้นำโลกด้านการดำเนินการด้านสภาพภูมิอากาศ ที่อาเซอร์ไบจาน ในครั้งนี้ มีผู้นำและตัวแทนจากประเทศต่าง ๆ กว่า 100 ประเทศ เข้าร่วม รวมถึงเจ้าหน้าที่ องค์การสหประชาชาติ องค์กรที่เกี่ยวข้องและหน่วยงานพิเศษ รวมถึงตัวแทนองค์กรพัฒนาเอกชนเข้าร่วม เพื่อแสดงให้เห็นถึงความสำคัญที่ผู้นำโลกต้องมีส่วนร่วม ลดการปล่อยมลพิษ 

นายอันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ เน้นย้ำถึงความสำคัญของการประชุมครั้งนี้ในการจำกัดการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโลกไม่เกิน 1.5 องศาฯ ซึ่งมีความจำเป็นเร่งด่วนเพื่อบรรลุเป้าหมายนี้  พร้อมเรียกร้องให้ทุกประเทศมุ่งเน้นไปที่สามประเด็นหลัก ได้แก่ การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างเร่งด่วน การปกป้องประชาชนจากผลกระทบของวิกฤตสภาพภูมิอากาศ และการจัดหาเงินทุนสำหรับการดำเนินการด้านสภาพภูมิอากาศ โดยย้ำว่าทุกประเทศต้องทำหน้าที่ของตนเอง โดยเฉพาะกลุ่ม G20 ต้องเป็นผู้นำในการคุมอุณหภูมิโลกไม่ให้สูงขึ้น