TNN อุตุฯ โลกยืนยันปี 2567 “อุณหภูมิร้อนที่สุด” เท่าที่เคยบันทึกมา

TNN

Earth

อุตุฯ โลกยืนยันปี 2567 “อุณหภูมิร้อนที่สุด” เท่าที่เคยบันทึกมา

อุตุฯ โลกยืนยันปี 2567  “อุณหภูมิร้อนที่สุด” เท่าที่เคยบันทึกมา

อุตุฯโลกยืนยันปี 2567 เป็นปีที่มีอุณหภูมิร้อนที่สุดเท่าที่เคยบันทึกมา สูงกว่าค่าเฉลี่ยก่อนยุคอุตสาหกรรม 1.54 องศาฯ

องค์การอุตุนิยมวิทยาโลก หรือ WMO ยืนยันว่า ปี 2567 นี้ จะเป็นปีที่มีอุณหภูมิร้อนที่สุดเท่าที่เคยบันทึกมา ในวันแรกของการประชุมประจำปีว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของสหประชาชาติ ครั้งที่ 29 หรือ COP29 ในกรุงบากู ประเทศอาเซอร์ไบจานเมื่อวานนี้ (จันทร์) โดยองค์การอุตุนิยมวิทยาโลก เผยแพร่รายงานสภาพอากาศโลกฉบับล่าสุดประจำปี 2567 พบว่า ระหว่างเดือนมกราคมและกันยายน ปีนี้ อุณหภูมิอากาศพื้นผิวเฉลี่ยทั่วโลกสูงกว่าค่าเฉลี่ยก่อนยุคอุตสาหกรรม 1.54 องศาเซลเซียส


เซเลสต์ เซาโล เลขาธิการสำนักงานอุตุนิยมวิทยาโลก แถลงนอกรอบการประชุม COP29 ว่า การเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิเฉลี่ยทั่วโลก สามารถให้อยู่ต่ำกว่า 1.5 องศาเซลเซียสได้ แต่การเพิ่มเป้าหมายเป็น 2 องศาเซลเซียสจะส่งผลกระทบ "อย่างใหญ่หลวง" และผลที่ตามมาจากอุณหภูมิที่สูงขึ้นก็มองเห็นได้ชัดเจนแล้ว รวมถึงการละลายของธารน้ำแข็งที่เร็วขึ้นและระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น รวมทั้งมหาสมุทรที่อุ่นขึ้นด้วย


โลกมีอุณหภูมิเพิ่มขึ้นแล้วประมาณ 1.3 องศาเซลเซียสจากการเผาไหม้น้ำมัน, ถ่านหิน, และก๊าซอย่างต่อเนื่อง


ทั้งนี้ การประชุมประจำปี COP29 เริ่มขึ้นเมื่อวานนี้ ท่ามกลางความกังวลเรื่องความขัดแย้งทางการค้า และการชนะเลือกตั้งของอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้ปฏิเสธภาวะโลกร้อน


บรรดาผู้ร่วมประชุมที่กรุงบากู ตั้งความหวังว่าจะสามารถหาทางแก้ปัญหาสำคัญของการประชุมครั้งนี้ คือการระดมเงินมูลค่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ต่อปีสำหรับกองทุนเพื่อรับมือการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศของประเทศกำลังพัฒนาทั่วโลก


แต่ดูเหมือนแผนดังกล่าวจะประสบอุปสรรคหลายประการ ตั้งแต่ความขัดสนของรัฐบาลประเทศต่าง ๆ สงครามในยูเครนและฉนวนกาซา ตลอดนโยบายที่ยังหาความแน่นอนไม่ได้ของว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่สหรัฐฯ


ก่อนหน้านี้ ทรัมป์เคยเรียกภาวะโลกร้อนว่าเป็นการโกหกหลอกลวง และสัญญาว่าจะถอนสหรัฐฯ ออกจากสนธิสัญญากรุงปารีสว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศโลก


บรรดาผู้เข้าร่วมประชุม COP29 ที่กรุงบากู ต่างกังวลว่าการถอนตัวของสหรัฐฯ อาจทำให้ประเทศอื่นลดความสำคัญของการแก้ปัญหาสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง หรืออาจลดความร่วมมือ หรือลดเป้าหมายในอนาคตได้


ภาพจาก: AFP

ข่าวแนะนำ