TNN "ทรัมป์" คว้าชัยชนะ ทั่วโลกจับตาทิศทางรับมือภาวะโลกร้อน สั่นคลอนความมั่นคงด้านสิ่งแวดล้อม

TNN

Earth

"ทรัมป์" คว้าชัยชนะ ทั่วโลกจับตาทิศทางรับมือภาวะโลกร้อน สั่นคลอนความมั่นคงด้านสิ่งแวดล้อม

ทรัมป์ คว้าชัยชนะ ทั่วโลกจับตาทิศทางรับมือภาวะโลกร้อน สั่นคลอนความมั่นคงด้านสิ่งแวดล้อม

“ทรัมป์” คว้าชัยชนะประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาคนที่ 47 ทำให้ทั่วโลกจับตาและกังวลกับนโยบายและแนวทางในการรับมือกับภาวะโลกร้อนของสหรัฐฯ ซึ่งจะส่งผลถึงความมั่นคงด้านสิ่งแวดล้อมในระยะยาว

ผลการนับคะแนนเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ สิ้นสุดลงแล้ว โดยอดีตประธานาธิบดี “โดนัลด์ ทรัมป์” จากพรรครีพับลิกัน คว้าชัยชนะได้รับเสียงข้างมากชนะ “คามาลา แฮร์ริส” รองประธานาธิบดี จากพรรคเดโมแครต ขึ้นเป็นประธานาธิบดีคนที่ 47 ของสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นคนที่ 2 ที่ได้รับเลือกเป็นสมัยที่ 2 แบบไม่ต่อเนื่อง 


ชัยชนะของ “โดนัลด์ ทรัมป์” ทำให้นักสิ่งแวดล้อมแสดงความกังวลในนโยบายต่างๆ ที่จะส่งผลกระทบกับสิ่งแวดล้อม เนื่องจากวิสัยทัศน์ของทรัมป์ไม่ให้ความสำคัญในเรื่องของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยระบุว่าภัยคุกคามใหญ่ที่สุดไม่ใช่ภาวะโลกร้อน แต่เป็นเรื่องความขัดแย้งด้านนิวเคลียร์


ในการขึ้นเป็นประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาในสมัยแรกเมื่อปี 2017 จึงทำให้สหรัฐอเมริกาถอนตัวออกจากข้อตกลงปารีสในเดือนพฤศจิกยายนปี 2020 ซึ่งเป็นข้อตกลงว่าด้วยการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพื่อรักษาการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโลกไม่ให้เกิน 1.5 องศาเซลเซียส แต่ในเดือนกุมภาพันธ์ 2021 สหรัฐอเมริกาได้กลับเข้าสู่ข้อตกลงปารีสอีกครั้งภายใต้การนำของประธานาธิบดีไบเดน สำหรับการขึ้นรับตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยที่ 2 ของทรัมป์นั้นมีนโยบายที่จะถอนตัวออกจากข้อตกลงปารีสอีกครั้งเพราะมองว่าเป็นข้อตกลงที่ไร้สาระ และไม่เป็นธรรม เพราะถูกเอาเปรียบจากประเทศอื่น เนื่องจากต้องเสียค่าใช้จ่ายจำนวนหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในขณะที่ประเทศอื่นไม่ต้องจ่ายอะไรเลย 


นอกจากนี้ทรัมป์ได้ให้ความสำคัญด้านเศรษฐกิจเป็นอันดับต้นๆ หนึ่งในมาตรการแก้ปัญหาเงินเฟ้อก็คือการพึ่งพาตนเองด้านพลังงาน ซึ่งทรัมป์สนับสนุนให้มีการใช้พลังงานเชื้อเพลิงฟอสซิล ลดราคาพลังงานโดยเพิ่มการผลิตน้ำมันและก๊าซธรรมชาติเพิ่มขึ้น นั่นหมายถึงการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพิ่มขึ้นจำนวนมหาศาล ซึ่งทรัมป์ได้ประกาศในงานรณรงค์ที่มิชิแกนว่าจะอนุมัติการขุดเจาะท่อส่งน้ำมัน โรงกลั่นไฟฟ้า และตัดขั้นตอนทางราชการที่ยุ่งเหยิงทิ้งไป รวมถึงยกเลิก Green New Deal ซึ่งเป็นแนวทางในการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และปลดล็อกการบังคับใช้กฏหมาย IRA เพื่อปรับลดอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งจะทำให้การปล่อยก๊าซเรือนกระจกของสหรัฐลดลง 28% จาก 37% ความแตกต่างของปริมาณคาร์บอนอยู่ที่ประมาณ 4,000 ล้านตันเลยทีเดียว 


ข่าวแนะนำ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง