เปิดรายชื่อ 3 จังหวัดของไทยพบ "จุดความร้อน" มากที่สุด
GISTDA เผยข้อมูลจากดาวเทียมเปิดรายชื่อ 3 อันดับจังหวัดของไทยพบ "จุดความร้อน" มากที่สุด
จุดความร้อนไทยวานนี้ 2,583 จุด...พื้นที่ป่าอนุรักษ์พบมากที่สุด 1,378 จุด ภาพรวมเพิ่มขึ้นจากวันก่อน
GISTDA สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) เผยข้อมูลจากดาวเทียมซูโอมิ เอ็นพีพี (Suomi NPP) ของวันที่ 4 มีนาคม 2566 ไทยพบจุดความร้อน จำนวน 2,583 จุด ในขณะที่สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ยังนำโด่งจำนวน 6,701 จุด กัมพูชา 2,125 จุด สปป.ลาว 1,434 จุด เวียดนาม 147 จุด และมาเลเซีย 2 จุด
สำหรับจุดความร้อนในประเทศไทย ส่วนใหญ่พบในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ 1,378 จุด, พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ 541 จุด, พื้นที่เกษตร 267 จุด, พื้นที่ชุมชนและอื่นๆ 228 จุด, พื้นที่เขต สปก. 155 จุด และพื้นที่ริมทางหลวง 14 จุด
ส่วนของจังหวัดที่พบจุดความร้อนมากที่สุด 3 อันดับคือ กาญจนบุรี 597 จุด, ตาก 200 จุด แม่ฮ่องสอน 117 จุด ตามลำดับ
ส่วนค่าฝุ่น PM2.5 เมื่อตรวจสอบจากแอปพลิเคชัน “เช็คฝุ่น” เมื่อเวลา 11:00 น. ที่ผ่านมา พบว่าในหลายจังหวัดทางภาคเหนือ อาทิ แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ตาก ลำพูน น่าน พะเยา ลำปาง อยู่ระดับสีแดงที่สูงกว่า 90 ไมโครกรัม ซึ่งมีผลต่อสุขภาพ ในขณะที่ทุกพื้นที่ของกรุงเทพมหานคร อยู่ระดับสีส้มเริ่มมีผลต่อสุขภาพ
อย่างไรก็ตาม ก่อนออกจากบ้านควรสวมหน้ากากอนามัยทุกครั้งเพื่อป้องกันโรคระบบทางเดินหายใจที่อาจจะตามมา
สิ่งหนึ่งที่ต้องเฝ้าระวังที่มักจะมากับเหตุการณ์ไฟป่าและจุดความร้อนคือ PM 2.5 สถานการณ์การจุดความร้อนจากประเทศเพื่อนบ้านอาจส่งผลให้เกิด PM 2.5 ได้ในพื้นที่บริเวณชายแดนเนื่องจากได้รับอิทธิพจากประแสลมที่จะพัดผ่านเข้ามา ปัญหาไฟป่าหมอกควัน ส่งผลกระทบให้กับระบบต่างๆ ของประเทศมาโดยตลอด โดยเฉพาะระบบเศรษฐกิจ ระบบสังคม
ดังนั้น ในอนาคตอันใกล้นี้ ประเทศไทยกำลังจะได้ใช้ระบบ THEOS-2 อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่ง 1 ในภารกิจสำคัญของระบบนี้ คือการสำรวจ วิเคราะห์ และติดตามสถานการณ์ภัยพิบัติที่เกิดขึ้นหรือคาดว่าจะเกิดขึ้น ได้อย่างทันท่วงทีและแม่นยำ เพื่อการสนับสนุนข้อมูลสำคัญให้กับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้นำข้อมูลไปใช้วางแผน ป้องกัน บรรเทา และแก้ไขปัญหาได้ตรงจุดมากยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม รายละเอียดข้อมูลเฉพาะพื้นที่ท่านสามารถติดตามจากหน่วยงานหลักที่รับผิดชอบโดยตรงได้ GISTDA ยังคงติดตามและรายงานสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นข้อมูลให้กับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้นำไปใช้บริหารจัดการในพื้นที่
ท่านสามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://fire.gistda.or.th หรือ ติดตามข้อมูลจาก https://fire.gistda.or.th/dashboard.html และควรติดตามสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 ผ่านแอปพลิเคชัน "#เช็คฝุ่น"
ข้อมูลจาก GISTDA สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน)
ภาพจาก GISTDA สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) / AFP