คกก.โรคติดต่อฯ มีมติต่างชาติเข้าไทยไม่ต้องกักตัว รับแผนเปิดประเทศ เริ่ม 16 ธ.ค.นี้
คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ มีมติเห็นชอบ "ไม่กักตัวนักท่องเที่ยว" 63 ประเทศ ที่เดินทางเข้าไทย เริ่ม 16 ธ.ค.นี้ เล็งเสนอ ศบค.ชุดใหญ่พรุ่งนี้ ขณะเดียวกันเตรียมพิจารณาปรับเกณฑ์การตรวจหาเชื้อนักท่องเที่ยวเข้าไทยด้วยชุดตรวจคัดกรองโควิด
วันนี้ (25 พ.ย.64) ที่ กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ครั้งที่ 11/2564 โดยมี นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค
นายอนุทิน ระบุว่า ที่ประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติได้หารือใน 3 ประเด็นสำคัญ คือ
1.การปรับแนวทางปฏิบัติสำหรับผู้เดินทางในการเข้าราชอาณาจักร ตามแผนการเปิดประเทศ ระยะที่ 2 ระหว่างวันที่ 1-31 ธันวาคม 2564
2.การยกเว้นค่าธรรมเนียมการออกหนังสือรับรองการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค กรณีโรคโควิด-19 แบบอิเล็กทรอนิกส์ โดยให้บริการผ่านช่องทาง e-Vaccine Passport สำหรับผู้เดินทางระหว่างประเทศ 1-31 ธันวาคม 2564
3. เห็นชอบให้กรมการแพทย์จัดทำแผนปฏิบัติการจัดหายาแพกซ์โลวิด รวมทั้งความก้าวหน้าการจัดหายารักษาโรคโควิด-19 ได้แก่ โมลนูพิราเวียร์ ซึ่งยาทั้ง 2 ตัวเป็นยาต้านไวรัสสำหรับผู้ติดเชื้อที่มีอาการเล็กน้อยถึงปานกลาง และมีโรคประจำตัวร่วม
ด้าน นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค ระบุ สำหรับมติที่ประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติเห็นชอบ "งดการกักตัว" ในกลุ่มนักท่องเที่ยว โดยยังให้มีผลรับรองการฉีดวัคซีนครบตามโดส และมีการตรวจ RT-PCR ก่อนจากประเทศต้นทาง เมื่อมาถึงไทยจะปรับการตรวจคัดกรองด้วยชุดตรวจ Antigen Test Kit (ATK)
ทั้งนี้ การปรับแนวทางปฏิบัติสำหรับผู้เดินทางในการเข้าราชอาณาจักร ตามแผนการเปิดประเทศ ระยะที่ 2 ระหว่างวันที่ 1-31 ธันวาคม 2564 โดยจะเริ่มใช้ในวันที่ 16 ธันวาคม 2564 ซึ่งจะเสนอ ศบค.พิจารณาให้ความเห็นชอบต่อไป
ส่วนอัตราการติดเชื้อในกลุ่มนักท่องเที่ยวในเฟสแรก ที่ผ่านมาอยู่ในอัตรตำ่ประมาณ ร้อยละ 0.1 ซึ่งยังอยู่ในเกณฑ์ที่สามารถควบคุมได้ โดยเกณฑ์การเปิดรับนักท่องเที่ยวหลังจากนี้ จะปรับแนวทางให้สามารถรับนักท่องเที่ยวได้หลายช่องทางและมีข้อจำกัดน้อยลง ส่วนของมาตรการต่างๆ ในผู้ประกอบการที่ผ่านมายอมรับว่ามีการหละหลวมบ้างแต่ยังไม่พบการระบาดเป็นวงกว้าง เป็นเกณฑ์ที่ทางระบบสาธารณสุขยังรองรับได้
ภาพจาก TNN ONLINE