เปิดผลการวิจัย ‘คนไม่ฉีดวัคซีน’ มีโอกาสเสียชีวิตจากโควิดสูงถึง 11 เท่า
ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐชี้คนไม่ฉีดวัคซีนมีแนวโน้มเสียชีวิตจากโควิดมากกว่าคนฉีดแล้ว 11 เท่า
วันนี้ (11 ก.ย. 64) ผลการศึกษาครั้งใหม่ของสหรัฐที่เปิดเผยในวันศุกร์ (10 ก.ย.) บ่งชี้ว่า วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ยังคงมีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันอาการป่วยหนักจนต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลและการเสียชีวิต ขณะที่ไวรัสสายพันธุ์เดลตายังคงแพร่ระบาดทั่วประเทศ
ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ของสหรัฐเปิดเผยว่า จากการติดตามศึกษากรณีผู้ติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 600,000 รายใน 13 รัฐตั้งแต่เดือนเม.ย.ถึงกลางเดือนก.ค.พบว่า ผู้ที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนมีแนวโน้มติดเชื้อไวรัสโควิดมากกว่าผู้ที่ฉีดวัคซีนแล้วประมาณ 4.5 เท่า, มีโอกาสที่จะต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลมากกว่า 10 เท่า และมีแนวโน้มที่จะเสียชีวิตจากโรคโควิด-19 มากกว่าผู้ที่ฉีดวัคซีนแล้ว 11 เท่า
ดร.โรเชลล์ วาเลนสกี้ ผู้อำนวยการ CDC เปิดเผยในการแถลงที่ทำเนียบขาวในวันศุกร์ว่า "การฉีดวัคซีนได้ผล" และ "สิ่งสำคัญที่สุดคือ เรามีเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ที่เราต้องการเพื่อพลิกสถานการณ์การระบาดใหญ่นี้"
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลก่อนหน้านี้แสดงให้เห็นว่า ประสิทธิภาพของวัคซีนในการป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 ได้ลดน้อยลง โดยอยู่ที่ระดับ 91% ในฤดูใบไม้ผลิ และลดลงเหลือ 78% ในเดือนมิ.ย.และก.ค.
สำหรับผู้ที่ได้รับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ครบโดสแล้วแต่ยังติดเชื้อและต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลนั้นอยู่ที่ระดับ 14% และเสียชีวิตที่ระดับ 16% ซึ่งคิดเป็น 2 เท่าจากระดับของเมื่อต้นปีนี้
ดร.วาเลนสกีเปิดเผยในวันศุกร์ว่า ผู้ป่วยโควิดมากกว่า 90% ในโรงพยาบาลของสหรัฐนั้นเป็นผู้ที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน