ดร.อนันต์ เผยผลวิจัยเปรียบเทียบปริมาณสารพันธุกรรม"เดลตา-อัลฟ่า"ในผู้ป่วย

วันนี้( 21 ส.ค.64) ดร.อนันต์ จงแก้ววัฒนา นักวิจัยด้านไวรัสวิทยา ไบโอเทค โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กเกี่ยวกับวัคซีนโควิด ปริมาณสารพันธุกรรมไวรัสสายพันธุ์เดลตา และ อัลฟ่า

โดยระบุข้อความว่า "ข้อมูลชุดนี้เป็นของทีมวิจัยจาก Johns Hopkins เปรียบเทียบปริมาณสารพันธุกรรมไวรัสสายพันธุ์เดลตา กับ อัลฟ่า ในผู้ป่วยที่เคย และ ไม่เคยฉีดวัคซีน สำหรับสายพันธุ์อัลฟ่าข้อมูลดูจะตรงไปตรงมาครับ ปริมาณไวรัสที่วัดจากผู้ป่วยที่ไม่เคยฉีดวัคซีนมีสูงกว่ากลุ่มที่ฉีดวัคซีน (Ct ของกลุ่มไม่ฉีด ต่ำกว่า กลุ่มที่ฉีดวัคซีน) แต่ในกลุ่มที่ติดไวรัสเดลตามีข้อมูลที่เปลี่ยนไป ทีมวิจัยพบว่า โดยรวมผู้ป่วยที่ติดเดลตามีไวรัสในตัวอย่างที่ตรวจสูงกว่าแอลฟ่า (Ct เดลต้าน้อยกว่าอัลฟ่า) แต่ที่น่ากังวลใจคือ กลุ่มผู้ป่วยที่ได้รับวัคซีนไม่ได้มีไวรัสน้อยกว่ากลุ่มที่ไม่ได้รับวัคซีนเลย

จากข้อมูลที่แสดงออกมา ดูเหมือน Ct ของกลุ่มที่ได้รับวัคซีนจะมีค่าต่ำกว่ากลุ่มที่ไม่ได้วัคซีนด้วยซ้ำ แสดงว่า ภูมิคุ้มกันจากวัคซีนมีไม่เพียงพอที่จะยับยั้งการเพิ่มปริมาณของเดลต้าในบริเวณทางเดินหายใจ ส่วนบนที่เก็บตัวอย่างไปตรวจ

ข้อมูลอีกชุดนึงคือ การเปรียบเทียบความสามารถในการเพาะเชื้อไวรัสที่แยกได้จากตัวอย่างของผู้ป่วยที่ติดแต่ละสายพันธุ์ ภาพรวมไวรัสสายพันธุ์อัลฟ่าจะแยกออกมาจากผู้ป่วยและเพาะเชื้อยากกว่าไวรัสเดลต้า วิเคราะห์ได้ว่าอาจเป็นไปได้สูงว่าปริมาณไวรัสเดลตาที่ยัง active อยู่มีอยู่สูงกว่าอัลฟ่า มาก และ เมื่อวิเคราะห์ลึกลงไปดูตัวอย่างที่มาจากผู้ที่ได้รับและไม่ได้รับวัคซีน ไวรัสแอลฟ่าจะแยกได้จากผู้ป่วยที่มีภูมิจากวัคซีนแค่ 17.4% เปรียบเทียบกับ กลุ่มที่ไม่เคยฉีดวัคซีนที่ 37.9% แสดงว่าภูมิจากวัคซีนสามารถลดการปลดปล่อยเชื้อที่ active ที่สามารถติดไปยังคนอื่นได้ดี แต่ ตัวเลขของเดลต้ากลับไม่เห็นความแตกต่างระหว่างกลุ่มเลย กลุ่มที่ได้รับวัคซีนยังสามารถเพาะเชื้อไวรัสได้มากถึง 70.4% เทียบกับ 66.7% ในกลุ่มที่ไม่ได้วัคซีน ข้อมูลนี้ค่อนข้างน่าตกใจครับ เพราะ เดลต้าที่อยู่ในตัวอย่างของผู้ติดเชื้อพร้อมไปต่อได้ ไม่ว่าจะมีภูมิจากวัคซีนมาแล้วหรือไม่ 

สถานการณ์ตอนนี้ประมาทเดลตาไม่ได้เลยครับ ไม่ว่าจะได้วัคซีนสูตรไหนมา โอกาสที่เดลตาจะเข้าสู่ร่างกายและเพิ่มปริมาณพร้อมแพร่ให้คนอื่นเกิดขึ้นได้เสมอครับ หน้ากากอนามัยสำคัญมากๆครับ