นิวซีแลนด์ป่วน! พบโควิดเดลต้า 5 คน สั่งล็อกดาวน์ทั่วประเทศ
นิวซีแลนด์ พบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลต้า เพิ่มเป็น 5 ราย หลังประกาศบังคับใช้มาตรการจำกัดพื้นที่ทั่วประเทศ ส่วนสถานการณ์ในออสเตรเลียยังไม่ดีขึ้น หลายเมืองใหญ่ยังพบผู้ติดเชื้อพุ่งสูง
วันนี้ (18 ส.ค.64) นิวซีแลนด์พบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลต้ารายใหม่เพิ่มอีก 4 รายในช่วงข้ามคืนที่ผ่านมา รวมทั้งเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลในเมืองโอ๊คแลนด์ด้วย รวมตัวเลขผู้ติดเชื้อในประเทศเป็น 5 รายแล้ว ซึ่งทุกรายได้รับการยืนยันว่า ติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์เดลต้า และเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับผู้ติดเชื้อรายแรกที่รายงานไปในวันอังคารที่ผ่านมา นับเป็นผู้ติดเชื้อโควิดในท้องถิ่นรายแรกของนิวซีแลนด์ในรอบ 6 เดือน และรัฐบาลต้องประกาศใช้มาตรการจำกัดพื้นที่ทั่วประเทศทันที
นายกรัฐมนตรีจาซินดา อาร์เดิร์น ผู้นำหญิงของนิวซีแลนด์ กล่าวว่า ประเทศจะอยู่ในมาตรการจำกัดพื้นที่เป็นเวลาอย่างน้อย 3 วัน ขณะที่ เมืองโอ๊คแลนด์ ซึ่งเป็นเมืองใหญ่สุดของประเทศ จะจำกัดพื้นที่นาน 7 วัน
ส่วนการแพร่ระบาดของไวรัสโควิดในออสเตรเลีย ล่าสุดจนถึงเมื่อวานนี้ (วันอังคาร) สถานการณ์ยังไม่ดีขึ้น โดยรัฐบาลออสเตรเลีย เตือนให้ประชาชนในซิดนีย์เตรียมพร้อมรับมือการระบาดรุนแรงของโควิดในช่วงไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้านี้ พร้อมเรียกร้องให้ประชาชนเข้ารับวัคซีนเพื่อหลีกเลี่ยงอาการป่วยหนักเข้าโรงพยาบาลและเสียชีวิต ขณะที่ จำนวนผู้ติดเชื้อรายวันยังพุ่งสูงเกือบทำสถิติใหม่
กลาดีส์ เบเรจิกเลียน มุขมนตรีของนิวเซาธ์เวลส์ กล่าวกับผู้สื่อข่าวในซิดนีย์ เมืองหลวงของรัฐว่า คาดการณ์ว่าจำนวนผู้ติดเชื้อจะเพิ่มสูงขึ้นใน 2 หรือ 3 สัปดาห์ข้างหน้า และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดที่ย่ำแย่ลง รัฐจะยังบังคับใช้ข้อจำกัดบางส่วนต่อไป ถึงแม้ในอนาคตจะบรรลุเป้าหมายด้านการฉีดวัคซีนป้องกันการติดเชื้อไวรัสโควิดแล้วก็ตาม
ซิดนีย์ เมืองใหญ่ที่สุดของออสเตรเลีย และเป็นศูนย์กลางการระบาดของไวรัส ใช้มาตรการจำกัดพื้นที่อย่างเข้มข้น ซึ่งรวมทั้งตั้งจุดตรวจตามท้องถนนในหลายพื้นที่ของเมือง และเพิ่มค่าปรับสำหรับผู้ที่ละเมิดคำสั่งพักอยู่ที่บ้าน หรือ stay-at-home แต่มาตรการคุมเข้ม ซึ่งขณะนี้ เข้าสู่สัปดาห์ที่ 8 แล้ว ล้มเหลวในการควบคุมการระบาดของไวรัสเดลตา โดยในวันอังคาร พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มอีก 452 ราย สูงสุดรายวันเป็นอันดับ 3 และมีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 1 ราย รวมผู้เสียชีวิตสะสมเป็น 113 รายแล้ว
นอกจากนี้ ยังตรวจพบผู้ติดเชื้อในเขตโบรคเกนฮิลล์ เมืองเหมืองแร่ที่อยู่ห่างจากซิดนีย์ไปทางตะวันตกเฉียงเหนือมากกว่า 900 กิโลเมตร ขณะที่ไวรัสระบาดเพิ่มในหลายเมือง เพิ่มความหวาดกลัวว่า จะเกิดการระบาดใหญ่ในพื้นที่ดังกล่าว
ระหว่างงานแถลงข่าวรายวัน เบเรจิกเลียน กระตุ้นให้ประชาชนที่อายุ 70 ปีขึ้นไปข้ารับวัคซีน โดยพวกเขาต้อง “ไปฉีดวัคซีน ไม่ว่าจะมีเงื่อนไขอะไรก็ตาม”
ในระยะ 24 ชั่วโมงซึ่งสิ้นสุดลงเมื่อเวลา 20.00 น. ของวันจันทร์ที่ผ่านมา นิวเซาธ์เวลส์จัดการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ทั้งหมด 36,817 โดส โดยเบเรจิกเลียนกล่าวถึงยุทธศาสตร์การฉีดวัคซีนว่า เดือนกันยายนและตุลาคมจะเป็น “ช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุด” และรัฐจะยังเผชิญความท้าทายใหญ่แม้หลังผ่านพ้นสองเดือนดังกล่าวไปแล้วก็ตาม
เบเรจิกเลียนให้สัญญาว่าประชาชนจะมี “วิถีชีวิตที่อิสระยิ่งขึ้น” หลังจากร้อยละ 70 ของประชากรฉีดวัคซีนแล้ว แต่ระบุว่า “สิ่งนี้ไม่ได้หมายความว่าเราจะมีอิสระเต็มที่ แต่เราจะไม่ปล่อยให้เชื้อไวรัสฯ แพร่ระบาดอยู่ในชุมชน”
ขณะเดียวกัน รัฐวิกตอเรียทางตอนใต้ของออสเตรเลีย ตรวจพบผู้ป่วยโรคโควิด-19 ที่ติดเชื้อในท้องถิ่นเพิ่ม 24 ราย ในวันอังคาร หลังแดเนียล แอนดรูวส์ มุขมนตรีของรัฐ ประกาศห้ามประชาชนออกนอกเคหะสถานในนครเมลเบิร์น ซึ่งเป็นเมืองเอก พร้อมขยายระยะเวลามาตรการจำกัดพื้นที่ต่อไปอีก 2 สัปดาห์
แอนดรูวส์ วิพากษ์วิจารณ์ “ความเห็นแก่ตัว” ของกลุ่มคนที่ฝ่าฝืนข้อจำกัด โดยเขารู้สึก “โกรธและผิดหวัง” ที่เห็นคลิปวิดีโอปาร์ตี้งานหมั้นที่มีประชาชนเข้าร่วมราว 70 คน ซึ่งมีแพทย์รวมอยู่ด้วยจำนวนหนึ่ง
ด้าน รัฐควีนส์แลนด์ ทางตอนเหนือของนิวเซาธ์เวลส์ ตรวจพบผู้ป่วยโรคโควิด-19 ที่ติดเชื้อในท้องถิ่นเพียง 1 รายเท่านั้นในวันอังคาร ซึ่งแอนนาสตาเซีย พาลาสซ์ซุก มุขมนตรีของรัฐกล่าวว่า เป็นข่าวดีอย่างมาก