เอกชนวอนรัฐดึงคนละครึ่งเฟส3-ยิ่งใช้ยิ่งได้เริ่มมิ.ย.แทนก.ค.
เอกชนร้องรัฐนำโครงการคนละครึ่งเฟส3-ยิ่งใช้ยิ่งได้เริ่มเร็วขึ้นเป็นมิ.ย. จากเดิมก.ค. ชี้โควิดฉุดเศรษฐกิจไทยลากยาว หวังอัดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเพิ่ม เร่งผลักดันพ.ร.ก.เงินกู้ 7 แสนล้าน
นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า จีดีพีปีนี้คาดว่าอยู่ที่ 0.5-2.0% ต่อปี ซึ่งการระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ จากที่รับฟังจากแพทย์ คาดว่าการระบาดจะลากยาว 2 เดือน ทำให้เศรษฐกิจในไตรมาส 2 ของปีนี้แย่ ดังนั้นต้องการให้รัฐบาลเร่งอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจให้มากที่สุด โดยนำมาตรการที่วางแผนไว้ เช่น โครงการคนละครึ่ง โครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ในเดือนก.ค.มาใช้ภายในเดือนมิ.ย.แทน และเสนอให้เพิ่มวงเงินในโครงการคนละครึ่งจาก 3,000 เป็น 6,000 บาท
สำหรับการกระจายการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 จะปูพรมทั่วประเทศในไตรมาสที่ 3 โดยจะเป็นการฉีดวัคซีนยี่ห้อแอสตร้าเซนเนก้า ตามข้อมูลทางการแพทย์จะได้ผลถึง 80% หลังฉีดแข็มแรก โดยวัคซีนนี้กำลังจะนำเข้ามาและมีผลิตในไทยด้วย คาดว่าน่าจะครอบคลุมประชากรในพื้นที่กรุงเทพมหานครทั้งหมด ภายใน 2-3 เดือนข้างหน้า
สำหรับการออก พ.ร.ก.เงินกู้ 7 แสนล้านบาท อยากให้รัฐบาลเร่งนำมาใช้เช่นกัน เพื่อเป็นการอัดฉีดและกระตุ้นให้เกิดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจให้ได้มากที่สุด และเชื่อว่าจะไม่กระทบต่อหนี้สาธารณะของไทยตาม พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) วินัยการเงินการคลัง ที่กำหนดเพดานไว้ 60% ต่อจีดีพี ซึ่งขณะนี้อยู่ประมาณ 50% เท่านั้น แสดงให้เห็นว่าฐานะการเงินการคลังของประเทศไทยยังคงแข็งแกร่ง
ส่วนมาตรการพักทรัพย์พักหนี้ของ ธปท.ว่า เป็นเรื่องที่ดี แต่จากการวิเคราะห์และสำรวจของหอการค้าไทย ผู้ประกอบการที่ต้องการกู้เงินกับโครงการนี้ยังมีความระแวงเรื่องสถาบันการเงินในการอนุมัติสินเชื่อ โดยวงเงิน 1 แสนล้านบาทที่ใช้กับโครงการนี้ใช้ประโยชน์ได้ไม่เต็มที่ ดังนั้นหอการค้าจะทำการประสานช่วยแก้ปัญหา เพื่อหาจุดตรงกลางที่เป็นจุดลงตัวของทางออกในปัญหานี้
โดยสัปดาห์นี้จะหารือกับกลุ่มธนาคารพาณิชย์
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า กรณีรัฐบาล ออกพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) กู้เงิน 7 แสนล้านบาทนั้น อยากให้ภาครัฐเร่งผลักดัน เพื่อให้รัฐบาลมีเม็ดเงินเพียงพอสำหรับโครงการด้านสาธารณสุข ด้านการเยียวยา ชดเชยให้ประชาชนที่ได้รับผลกระทบ จากโควิด-19 และฟื้นฟูเศรษฐกิจ แต่สิ่งที่ไม่อยากให้เกิดขึ้นคือเงินทอน ปัญหาคอร์รัปชั่นไม่ควรมี เพราะโครงการที่ออกมาจากการใช้เงินกู้รอบแรก 1 ล้านล้านบาทนั้น ส่วนใหญ่เป็นการเยียวยา และหลายโครงการมีเป้าหมายดี ทีมทำงานด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลที่พิจารณาการใช้เงินให้แต่ละโครงการถือว่าทำงานได้ดี พิจารณาเงินอย่างรอบคอบ แต่เมื่ออนุมัติแล้ว อย่าให้มีเงินตกหล่นระหว่างทางแล้วไปเข้ากระเป๋านักการเมือง เพราะไม่ได้เข้าระบบเศรษฐกิจ อันนี้ต้องระวังไม่ควรเกิดขึ้น อยากให้สังคมร่วมกันตรวจสอบ