TNN "หมอธีระ" เปิด 4 กุญแจสำคัญ ต่อสู้กับโควิด-19

TNN

เกาะติด COVID-19

"หมอธีระ" เปิด 4 กุญแจสำคัญ ต่อสู้กับโควิด-19

หมอธีระ เปิด 4 กุญแจสำคัญ ต่อสู้กับโควิด-19

"หมอธีระ" โพสต์เฟซบุ๊กเปิด กุญแจสำคัญในการต่อกับสู้โควิด-19 ยังคงเป็น "ปัจจัยสี่"

วันนี้( 22 เม.ย.64) รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ จากคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว เกี่ยวกับสถานการณ์โควิด-19 ว่า

"สถานการณ์ทั่วโลก 22 เมษายน 2564...

อินเดียทำลายสถิติของอเมริกาแล้ว ติดเพิ่มวันเดียวมากสุดในโลก ในขณะที่ตุรกีแซงสหราชอาณาจักรขึ้นเป็นอันดับ 6 

เมื่อวานทั่วโลกติดเพิ่ม 890,932 คน รวมแล้วตอนนี้ 144,398,135 คน ตายเพิ่มอีก 14,304 คน ยอดตายรวม 3,070,147 คน

อเมริกา เมื่อวานติดเชิ้อเพิ่ม 59,344 คน รวม 32,596,338 คน ตายเพิ่ม 792 คน ยอดเสียชีวิตรวม 583,246 คน อัตราตาย 1.8%

อินเดีย ติดเพิ่มมากถึง 315,728 คน รวม 15,924,732 คน ตายเพิ่ม 2,102 คน ยอดเสียชีวิตรวม 184,672 คน อัตราตาย 1.2% ขณะนี้จำนวนการเสียชีวิตต่อวันของอินเดียสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว มากกว่าสถิติเดิมในระลอกแรกแล้ว

บราซิล ติดเพิ่ม 71,910 คน รวม 14,122,795 คน ตายเพิ่มถึง 2,945 คน ยอดเสียชีวิตรวม 381,475 คน อัตราตาย 2.7% ตอนนี้จำนวนการเสียชีวิตต่อวันเริ่มชะลอตัวลง

ฝรั่งเศส ติดเพิ่ม 34,968 คน ยอดรวม 5,374,288 คน ตายเพิ่ม 313 คน ยอดเสียชีวิตรวม 101,881 คน อัตราตาย 1.9%

รัสเซีย ติดเพิ่ม 8,271 คน รวม 4,727,125 คน ตายเพิ่ม 399 คน ยอดเสียชีวิตรวม 106,706 คน อัตราตาย 2.3%

อันดับ 6-10 เป็น ตุรกี สหราชอาณาจักร อิตาลี สเปน และเยอรมัน ส่วนใหญ่ติดกันหลักพันถึงหลายหมื่นต่อวัน ตุรกีติดเพิ่มกว่าหกหมื่นคน

แถบอเมริกาใต้ ยุโรป เอเชีย อย่างโคลอมเบีย เนเธอร์แลนด์ โปแลนด์ ยูเครน แคนาดา รวมถึงบังคลาเทศ อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น และมาเลเซีย ยังติดกันเพิ่มหลักพันถึงหลักหมื่น 

แถบสแกนดิเนเวีย บอลติก และยูเรเชีย ก็มีการติดเชื้อเพิ่มอย่างต่อเนื่อง ส่วนใหญ่หลักร้อยถึงพันกว่า 

แถบตะวันออกกลาง ประเทศส่วนใหญ่ยังติดเพิ่มหลักพันถึงหลักหมื่นอย่างต่อเนื่อง 

เกาหลีใต้ และกัมพูชา ติดเพิ่มหลักร้อย ส่วนจีน ออสเตรเลีย และสิงคโปร์ ติดเพิ่มหลักสิบ ในขณะที่ฮ่องกง และนิวซีแลนด์ติดเพิ่มต่ำกว่าสิบ

...สถานการณ์ทั่วโลกตอนนี้ชัดเจนว่า ระลอกล่าสุดนี้หนักกว่าช่วงปลายปีถึงต้นปีที่ผ่านมา จำนวนการติดเชื้อต่อวันสูงกว่าเดิม

เกาหลีใต้รักษาระดับการติดเชื้ออยู่ประมาณห้าร้อยต่อวันมาได้ราว 8 สัปดาห์ ขณะนี้มีแนวโน้มจะทวีความรุนแรงมากขึ้น อัตราการติดเชื้อต่อวันเพิ่มขึ้นราว 20% ระยะเวลาคงที่ยังคงสอดคล้องกับที่เคยวิเคราะห์ไว้เกี่ยวกับการระบาดซ้ำว่า มักจะคงที่ได้ราว 7 สัปดาห์บวกลบนิดหน่อย 

ในขณะที่ญี่ปุ่นรักษาระดับการติดเชื้ออยู่ประมาณหลักพันต่อวันตั้งแต่ปลายกุมภาพันธ์ ล่าสุดขึ้นระลอกสี่ตั้งแต่ปลายมีนาคม ระยะเวลาคงที่ก็สอดคล้องกับที่วิเคราะห์ไว้เช่นกันว่่ามักคงที่ได้ราว 4 สัปดาห์

สำหรับสถานการณ์ไทยเรา คงต้องช่วยกันป้องกันตัวเองและสมาชิกในครอบครัวอย่างเต็มที่ เคร่งครัด เพราะการระบาดตอนนี้กระจายไปทั่ว ทุกกลุ่มเป้าหมาย ที่น่าหนักใจคือมีการติดเชื้อจากการใช้ชีวิตประจำวันมากขึ้นเรื่อยๆ และมีการนำพามาติดคนในบ้าน มีตั้งแต่เด็กเล็กเด็กโต คนวัยทำงาน คนสูงอายุ

จากที่ติดตามประสบการณ์ของประเทศต่างๆ ทั่วโลกที่เจอระบาดระลอกสาม หลังไต่ขึ้นสองสัปดาห์ มักจะเจอช่วงพีคหลังจากนั้นประมาณ 3.5 สัปดาห์ บวกลบ 2.5 สัปดาห์ แม้บางประเทศอาจเร็วกว่านั้นได้บ้างแต่มีไม่มาก ดังนั้นหากเราทราบไว้ก่อน จะได้ไม่ประมาท ตั้งการ์ดป้องกัน วางแผนรับมือไว้ก็จะเป็นการรอบคอบมากกว่า ในขณะที่จำนวนการติดเชื้อต่อวันที่สูงสุดในระลอกสามนั้น เฉลี่ยแล้วจะมากกว่าระลอกสองราว 2.06 เท่า แต่หากควบคุมไม่ได้อาจสูงไปถึง 5.59 เท่า 

กุญแจสำคัญในการต่อสู้ ยังคงเป็น"ปัจจัยสี่"

หนึ่ง ระบบการตรวจคัดกรองโรคต้องมีศักยภาพตรวจได้มากและต่อเนื่อง

สอง ประชาชนทุกคนช่วยกันป้องกันตัวเองและครอบครัวอย่างเคร่งครัด

สาม ลดละเลี่ยงนโยบายที่จะทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการนำเชื้อเข้ามา และการใช้มาตรการที่เข้มข้นเพียงพอและทันเวลา ในการจัดการการระบาดในประเทศ ทั้งในเรื่องลดจำนวนคน จำนวนครั้งในการติดต่อกัน และเวลาในการติดต่อกัน 

สี่ อาวุธในการต่อสู้มีประสิทธิภาพ หลากหลาย และเพียงพอ

หากขาดปัจจัยใดไป โอกาสที่จะคุมได้ก็จะยากขึ้นตามลำดับ แต่หากเตรียมอย่างพร้อมสรรพ โอกาสที่จะฟื้นฟูประเทศก็จะมีมากขึ้น ดังที่เราเห็นความเคลื่อนไหวของประเทศต่างๆ ในช่วงที่ผ่านมา เหนืออื่นใด จะทำได้ต้องร่วมด้วยช่วยกันทุกภาคส่วน ทั้งรัฐ เอกชน และประชาชน

อยู่บ้าน...ออกจากบ้านเท่าที่จำเป็น ใส่หน้ากากนะครับ ปิดปาก ปิดจมูก หากไม่ลำบากเกินไป การใส่สองชั้น ชั้นในเป็นหน้ากากอนามัย ชั้นนอกเป็นหน้ากากผ้า ก็จะช่วยป้องกันได้ดีขึ้น ล้างมือบ่อยๆ พกเจลหรือสเปรย์แอลกอฮอล์ติดตัว ล้างทุกครั้งหลังสัมผัสสิ่งของสาธารณะ

อยู่ห่างคนอื่นอย่างน้อยหนึ่งเมตร ไม่ว่าจะคนรู้จักหรือไม่รู้จักก็ตาม เลี่ยงการกินดื่มในร้านหรือโรงอาหาร ซื้อกลับจะปลอดภัยกว่า ระวังเรื่องการใช้สุขาสาธารณะ ปิดฝาก่อนชักโครก ล้างมือทุกครั้ง และใส่หน้ากากด้วย คอยสังเกตอาการตนเองและครอบครัว หากไม่สบาย ควรหยุดงาน แล้วรีบไปตรวจรักษา ด้วยรักและห่วงใย"


ข่าวแนะนำ