โควิดกลายพันธุ์ ติดเชื้อในสัตว์ป่วยรุนแรงเหมือนคน!

วันนี้( 29 มี.ค.64) ความคืบหน้าการศึกษาเกี่ยวกับต้นกำเนิดของไวรัส SARS-CoV-2 หรือ โควิด19 โดยความร่วมมือขององค์การอนามัยโลก WHO กับประเทศจีน  เบื้อนต้น เชื่อว่าไม่เกี่ยวข้องกับการหลุดจากห้องปฏิบัติการ แต่มุ่งไปที่การแพร่เชื้อไวรัสจากค้างคาวสู่คนผ่านสัตว์อื่นที่เป็นพาหะ เช่น ตัวมิงค์ หรือแมว น่าจะเกิดขึ้นได้มากที่สุด 

แต่ที่นักวิทยาศาสตร์ มีความกังวล คือ ไวรัส SARS-CoV-2 ที่กลายพันธุ์ ไปติดเชื้อที่สัตว์ซึ่งเป็นพาหะ เนื่องจากนักวิจัยทั่วโลกทราบดีว่า ไวรัสชนิดนี้ไม่สามารถติดเชื้อหนูทดลอง หรือ หนูขาว ที่นิยมใช้เป็นสัตว์ทดลองในห้องปฏิบัติการทั่วไปได้  จึงต้องใช้สัตว์ทดลองที่หาค่อนข้างยาก เช่น หนูแฮมสเตอร์ ตัวเฟอเรต (Ferret) หรือ ลิง

ล่าสุด ทีมวิจัยจากฝรั่งเศส ได้เผยผลงานวิจัยว่า ไวรัสสายพันธุ์แอฟริกาใต้ และ บราซิล ที่มีการเปลี่ยนแปลงตัวเองไปจากสายพันธุ์ดั้งเดิมในตำแหน่งสำคัญบนโปรตีนสไปค์บนผิวอนุภาคของไวรัส สามารถติดเข้าสู่หนูทดลอง

ผลการทดลองลักษณะนี้แสดงว่า ไวรัสกลายพันธุ์สามารถปรับตัวเองให้สามารถติดไปยังโฮสต์ได้หลากหลายขึ้น เนื่องจากไวรัสยังติดคนได้ดี แต่ในขณะเดียวกันสามารถติดไปยังสัตว์สปีชีร์อื่นๆได้ด้วย

นอกจากนี้ มีรายงานการไปพบไวรัส SARS-CoV-2 สายพันธุ์อังกฤษ หรือ B.1.1.7 ใน สัตว์เลี้ยงในประเทศอังกฤษ ซึ่งพบว่า มีอาการป่วยสูงขึ้นจาก 1.4% ไปสูงถึง 12.8% โดยอาการของสัตว์เลี้ยง มีตั้งแต่ เบื่ออาหาร อ่อนเพลียไปจนถึงหายใจลำบาก บางตัวพบอาการคล้ายคนป่วยโควิด-19 คือ หัวใจเต้นผิดจังหวะ และ น้ำท่วมปอดด้วย ซึ่งจริงๆแล้วการพบ SARS-CoV-2 ในสัตว์เลี้ยงไม่ใช่สิ่งใหม่ แต่ที่ผ่านมาไวรัสมักไม่ทำให้สัตว์เลี้ยงมีอาการอะไรมากมาย ทำให้นักวิจัย มีความกังวล ว่า ไวรัสที่กำลังเปลี่ยนแปลงอยู่หลายๆสายพันธุ์นั้น อาจจะเพิ่มความสามารถในการติดเชื้อในสัตว์ชนิดอื่นได้ดีขึ้นด้วย

อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงที่คนจะได้รับไวรัสจากสัตว์เลี้ยงนั้นน้อยกว่า ที่เราได้รับมาจากคนป่วยด้วยกันเองมากๆเพราะปริมาณไวรัสในสัตว์เลี้ยงมีน้อยกว่าที่พบในคนหลายเท่า และ เป็นไปได้สูงว่า สัตว์เลี้ยงได้รับไวรัสมาจากเจ้าของที่ไม่ได้ระวังตัวเอง จึงยังไม่มีเหตุอะไรให้ต้องตื่นตระหนกว่าสัตว์เลี้ยงจะเป็นอันตรายทำให้น้องหมาแมวที่ไม่รู้เรื่องอะไรต้องโดยทอดทิ้งไปเพราะความไม่เข้าใจ