โควิดโอมิครอนสายพันธุ์ EG.5.1 ในไทยจะระบาด เกิดอาการรุนแรงหรือไม่?
ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ เปิดข้อมูลโควิดโอมิครอน สายพันธุ์ EG.5.1 ในไทยจะระบาด เกิดอาการรุนแรง หรือไม่
ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Center for Medical Genomics เรื่อง โอมิครอน EG.5.1 (XBB.1.9.2.5.1) ในไทยจะมีการระบาดเกิดอาการรุนแรงและเข้ามาแทนที่ XBB.1.16 หรือไม่
จำนวนผู้ที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเนื่องจากโควิด-19 ในสิงคโปร์เพิ่มขึ้นตั้งแต่เดือนมีนาคม 2566 ผู้เชี่ยวชาญคาดว่าส่วนหนึ่งมาจากการระบาดขอโอมิครอน EG.5.1
ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมามีการระบาด โอมิครอน EG.5.1 ไปทั่วโลกเป็นอันดับ 3 ใน 4 อันดับหลักคือ XBB.1.16, XBB.1.5, EG.5.1 (XBB.1.9.2.5.1), และ XBB.1.9.1
ความชุกของ โอมิครอน EG.5.1 ในแต่ละประเทศมีความแตกต่างกันโดยตรวจจากจำนวนรหัสพันธุกรรมทั้งจีโนมที่ปรากฏในฐานข้อมูลโควิดโลก จีเสส (GISAID)ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาสูงที่สุดคือ
ประเทศจีน 985 ราย หรือประมาณ 7.228% จากโควิดสายพันธุ์ต่าง ๆ ที่พบในประเทศจีน
ในอาเซียนสูงสุดคือ ประเทศสิงคโปร์ 58 ราย หรือประมาณ 1.567% จากโควิดสายพันธุ์ต่าง ๆ ที่พบในประเทศสิงคโปร์
ส่วนประเทศไทยพบ 6 ราย หรือประมาณ 0.336% จากโควิดสายพันธุ์ต่าง ๆ ที่พบในประเทศไทย
ทั่วโลกพบว่าโอมิครอน EG.5.1 มีความได้เปรียบในการเติบโต-แพร่ระบาด (relative growth advantage) สูงกว่า XBB.1.16 ประมาณ 42 %
ในประเทศจีนพบว่าโอมิครอน EG.5.1 มีความได้เปรียบในการเติบโต-แพร่ระบาดสูงกว่า XBB.1.16 ประมาณ 45 %
ประเทศสิงคโปร์พบโอมิครอน EG.5.1 มีความได้เปรียบในการเติบโต-แพร่ระบาดสูงกว่า XBB.1.16 ถึง 77 %
สำหรับประเทศไทยโชคดีพบโอมิครอน EG.5.1 มีความได้เปรียบในการเติบโต-แพร่ระบาดสูงกว่า XBB.1.16 เพียง 1 % ทำให้โอกาสที่โอมิครอน EG.5.1 จะมาแทนที่ XBB.1.16 มีน้อย
ความได้เปรียบในการเติบโต-แพร่ระบาด (relative growth advantage)
ประเมินจากสองปัจจัยหลักคือ ความสามารถในการติดต่อ (increased transmissibility) ซึ่งเกี่ยวข้องกับความสามารถของส่วนหนามของไวรัสเข้าจับกับผิวเซลล์ผู้ติดเชื้อ และความสามารถในการหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกัน (evade immunity)
โดยมีหลายปัจจัยที่ทำให้โอมิครอนสายพันธุ์ย่อยในแต่ละประเทศมีค่าความได้เปรียบในการเติบโต-แพร่ระบาดที่แตกต่างกัน เช่น
- ประเภทของสายพันธุ์ย่อยที่แพร่ระบาดในประเทศนั้นๆ
- อายุเฉลี่ยของประชากร
- อัตราผู้เข้าฉีดวัคซีนครบโดส รวมทั้งการรับการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น
- วินัยของประชาชนในการใส่หน้ากากอนามัย กินร้อน ช้อนกลาง เว้นระยะห่างระหว่างบุคคล การตรวจ ATK
- ประสิทธิภาพของบุคลากรด้านสาธารณสุขในการเข้าถึงประชากรทุกครัวเรือน
- ฯลฯ
โอมิครอน EG.5.1 แม้จะจะมีความสามารถในการหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกันได้สูงกว่า XBB.1.16 แต่ ความสามารถของส่วนหนามของ EG.5.1 เข้าจับกับผิวเซลล์ผู้ติดเชื้อได้น้อยกว่า XBB.1.16 ทำให้พบว่าโอมิครอน EG.5.1 จากทั่วโลกมีความได้เปรียบในการเติบโต-แพร่ระบาดเฉลี่ยสูงกว่า XBB.1.16 ประมาณ 42 % หรือเพิ่มขึ้นเพียง 1.42-เท่า
ในขณะที่ประเทศไทยพบโอมิครอน EG.5.1 มีความได้เปรียบในการเติบโต-แพร่ระบาด (relative growth advantage) สูงกว่า XBB.1.16 เพียง 1 % หรือ 1.01 เท่า
ดังนั้นจึงพอสรุปได้จากรหัสพันธุกรรมของโอมิครอน EG.5.1 ว่าในประเทศไทยการระบาดของ EG.5.1 ไม่น่าจะรุนแรงแตกต่างไปจาก XBB.1.16 อย่างมีนัยสำคัญ
อย่างไรก็ดีระยะนี้ควรเฝ้าติดตาม โอมิครอน EG.5.1 ของเพื่อนบ้านอย่างใกล้ชิด เพราะในประเทศสิงคโปร์ที่มีการระบาดของ EG.5.1 มาก และพบมีผู้ติดเชื้อเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลเพิ่มขึ้น
จากรายงานล่าสุด จำนวนผู้ที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเนื่องจากโควิด-19 ในสิงคโปร์เพิ่มขึ้นตั้งแต่เดือนมีนาคม 2566 ระหว่างวันที่ 23-29 เมษายน มีผู้เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล 568 ราย โดย 15 รายถูกส่งไปยังหอผู้ป่วยหนัก (ICU) ในช่วงสี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ระหว่างวันที่ 2 ถึง 29 เมษายน มีผู้ป่วย 47 รายเข้ารับการรักษาในห้องไอซียู เพิ่มขึ้นจาก 43 รายในช่วงสามเดือนแรกของปี โดยสาธารณสุขสิงคโปร์เชื่อว่าจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นไม่น่าจะเกินจำนวนเตียงที่โรงพยาบาลในสิงคโปร์สามารถรองรับได้
ประเทศ:
จำนวนรหัสพันธุกรรมทั้งจีโนมที่ปรากฏในฐานข้อมูลโควิดโลก จีเสส (GISAID):
ความชุกของ โอมิครอน EG.5.1ในแต่ละประเทศในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา:
จีน
985
7.228%
สหรัฐ
333
1.024%
เกาหลีใต้
303
2.007%
ญี่ปุ่น
175
2.221%
แคนาดา
75
0.551%
โปรตุเกส
64
6.605%
สิงคโปร์
58
1.567%
ออสเตรีย
48
1.357%
ฮ่องกง
41
9.716%
ออสเตรเลีย
30
0.279%
ประเทศอังกฤษ
28
0.365%
ฝรั่งเศส
27
0.341%
สเปน
23
0.333%
อิสราเอล
15
1.873%
สวีเดน
11
0.309%
อิตาลี
10
0.409%
ลาว
10
14.085%
นิวซีแลนด์
8
0.396%
ไต้หวัน
8
2.192%
เยอรมนี
7
0.406%
กัวเตมาลา
7
1.414%
เดนมาร์ก
6
0.681%
ลักเซมเบิร์ก
6
0.758%
ประเทศไทย
6
0.336%
ข้อมูลจาก ศูนย์จีโนมทางการแพทย์
ภาพจาก TNN ONLINE / AFP