สธ.เตรียมพิจารณาถอดหน้ากากอนามัย หลังโควิดเป็นโรคประจำถิ่น
อธิบดีกรมควบคุมโรค ระบุโควิด-19 ใกล้เข้าสู่กรอบการเป็น "โรคประจำถิ่น" ทำให้สามารถผ่อนคลายเปิดสถานบันเทิงได้ในวันที่ 1 มิ.ย. ส่วนการถอดหน้ากากอนามัยจะพิจารณาหลังโควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่น โดยพิจารณาจากตัวเลขผู้ป่วยหนักและผู้เสียชีวิตเป็นหลัก
วันนี้ (21 พ.ค.65) นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยว่า สถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19 ภาพรวมดีขึ้นและใกล้เข้าสู่กรอบการเป็นโรคประจำถิ่นตามแผนของกระทรวงสาธารณสุข ทำให้มีการผ่อนคลายให้เปิดสถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ ได้ในวันที่ 1 มิถุนายนนี้
ซึ่งหลังเปิดดำเนินการกระทรวงสาธารณสุขจะประเมินและติดตามข้อมูลเป็นรายวัน หากพบผู้ประกอบการไม่ปฏิบัติตามมาตรการที่กำหนดไว้ ทางคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดมีอำนาจในการพิจารณาสั่งปิดสถานบริการได้
อธิบดีกรมควบคุมโรค ระบุด้วยว่า กระทรวงสาธารณสุขให้ความสำคัญเรื่องการติดตามตัวเลขผู้ป่วยหนักและเสียชีวิตเป็นหลักเพื่อใช้ในการประเมินสถานการณ์ภาพรวม และไม่กังวลว่าการเปิดสถานบันเทิงจะทำให้มีผู้ติดเชื้อเพิ่ม เพราะได้วางมาตรการเอาไว้แล้ว
ส่วนการผ่อนคลายถอดหน้ากากอนามัย จะประเมินหลังจากโควิด-19 เข้าสู่กรอบการเป็นโรคประจำถิ่นซึ่งยังไม่สามารถระบุช่วงเวลาได้ โดยจะใช้เกณฑ์เรื่องอัตราการเสียชีวิต การป่วยหนักและการติดเชื้อเป็นกลุ่มก้อนมาพิจารณาเป็นหลัก
ด้าน นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า การให้โควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่นเพื่อทำให้ประชาชนกลับไปใช้ชีวิตได้ในสภาวะปกติ มากขึ้น เช่น หากติดเชื้อไม่จำเป็นต้องอยู่ภายใต้ข้อบังคับใด หาซื้อยาทานเองได้ และดำรงชีวิตตามปกติได้
ส่วนการผ่อนคลายถอดหน้ากากอนามัยจะมีการพิจารณากันอีกครั้งโดยดูภารวมผู้เสียชีวิต ผู้ป่วยรุนแรง แต่ยืนยันการใส่หน้ากากอนามัยคือสิ่งที่ทำให้ลดความเสี่ยงในการติดเชื้อเป็นผลดีต่อสังคมโดยรวม.
ภาพจาก TNN ONLINE