TNN สธ.เตรียมแผนคลายล็อกมาตรการโควิด เปิดสถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ

TNN

เกาะติด COVID-19

สธ.เตรียมแผนคลายล็อกมาตรการโควิด เปิดสถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ

สธ.เตรียมแผนคลายล็อกมาตรการโควิด เปิดสถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ

กระทรวงสาธารณสุข จ่อผ่อนคลายมาตรการสถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ เบื้องต้นมีการจัดทำแผนไว้แล้ว ขณะที่ 1 พ.ค.นี้จะมีการยกเลิก Test and go หากนักท่องเที่ยวไม่ฉีดวัคซีนต้องแสดงผลตรวจ RT-PCR ภายใน 72 ชั่วโมง

วันนี้ (27 เม.ย.65) ที่กระทรวงสาธารณสุข นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการที่ไทยเตรียมแผนปรับโควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่น

โดยนายอนุทิน ระบุว่าในการปรับนั้น ต้องเป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ ไม่สามารถเลือกปรับเฉพาะพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งได้ ทางกรมควบคุมโรคจะนำเสนอแผนไปยัง ศบค.เพื่อกำหนดแนวทางการปฏิบัติต่างๆ  

ทั้งนี้ การบริหารจัดการเรื่องโควิด-19 กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการมาตลอดที่จะเสนอปรับเปลี่ยนผ่อนคลายมาตรการมาเรื่อยๆ ให้กับทาง ศบค.จากที่เคยมีเกณฑ์ ใช้ผลตรตรวจ RT-PCR ก็เปลี่ยนมาเป็นตรวจคัดกรองด้วยชุดตรวจโควิด-19 ATK แทน

และต่อไปอาจไม่มีการตรวจ ATK หรือไม่มี Thailand plus โดยแนวทางทั้งหมดก็มาจากข้อเสนอของประชาชน ขณะนี้มีประชาชนบางกลุ่มที่เห็นด้วยขอให้ผ่อนคลายทั้งหมด ขณะที่อีกกลุ่มก็ยังขอให้ค่อยเป็นค่อยไป จึงต้องหาจุดกลางที่เหมาะสมในการผ่อนคลายมาตรการ เพื่อให้ทุกคนสามารถดำเนินขีวิตได้ กิจกรรมกิจการสามารถเปิดได้ 

ขณะที่ นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค ระบุถึงกิจกรรมผ่อนคลายในขณะนี้ ได้เปิดเกือบทั้งหมดแล้ว เหลือเพียง ผับ บาร์ คาราโอเกะ ซึ่งอยู่ในแผนที่ได้เตรียมไว้แล้ว โดยในช่วงเดือน พ.ค.ได้มีการยกเลิกระบบ Test and Go เนื่องจากมีการฉีดวัคซีนและการทำประกันสุขภาพที่ครอบคลุมในกลุ่มนักท่องเที่ยวอยู่แล้ว แต่หากนักท่องเที่ยวไม่ฉีดวัคซีนต้องแสดงผลตรวจ RT-PCR ใน 72 ชั่วโมง 

ส่วนระบบสาธารณสุขและข้อมูลที่มีประชาชนมีความรู้มากขึ้นโดยคนที่ฉีดวัคซีนแล้วเมื่อติดเชื้อส่วนใหญ่ไม่มีอาการ สามารถดูแลตนเองได้ ยาใช้สำหรับคนที่มีความเสี่ยง ซึ่งทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่คาดการณ์ ปัจจัยเรื่องของบุคคล ขณะนี้มีการฉีดวัคซีนเข็ม 1 ไปแล้วกว่าร้อยละ 80 ในกลุ่มผู้สูงอายุฉีดวัคซีนไปแล้ว 10 กว่าล้านคนและเข็มกระตุ้นจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นคนมีภูมิคุ้มกันจากการติดเชื้อและฉีดวัคซีนก็จะทำให้การติดเชื้อซ้ำน้อยลงและไม่รุนแรง 

ส่วนความกังวลเรื่องความรุนแรงของเชื้อ นพ.โอภาส ระบุว่า ไทยเจอสายพันธุ์ที่รุนแรงที่สุดมาแล้วคือ "เดลตา" สายพันธุ์ที่แพร่ระบาดง่ายคือ "โอมิครอน" แต่ก็ไม่ควรประมาท หากมีการกลายพันธุ์กรมควบคุมโรคจะแจ้งให้ทราบ

ทั้งนี้ การเตรียมพร้อมการเปิดภาคเรียน กระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงศึกษาธิการ จะเร่งฉีดวัคซีนให้กับเด็กให้เสร็จหลังเปิดเทอม ไม่เกิน 1 เดือน จะทำให้สามารถเปิดเรียน on-site มากที่สุด ส่วนออนไลน์เป็นแผนสำรอง ซึ่งหากพบการติดเชื้อในโรงเรียน แต่ละโรงเรียนจะมีแผนรองรับอยู่แล้ว.


ภาพจาก แฟ้มภาพ TNN ONLINE


ข่าวแนะนำ