"นพ.โอภาส"ระบุลดกักตัวเหลือ 5 วันไม่ทำให้ติดเชื้อเพิ่ม
อธิบดีกรมควบคุมโรคให้ความมั่นใจการลดกักตัวกลุ่มเสี่ยง จาก 7 วันเหลือ 5 วัน ไม่ใช่ปัจจัยหลักที่จะทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่ม
วันนี้ ( 13 เม.ย. 65 )นายแพทย์โอภาส การกวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรคระบุการเสนอลดวันกักตัวกลุ่มเสี่ยงสูงจากกักตัว 7 วันเหลือ 5 วัน และสังเกตุอาการอีก 5 วัน เป็นมาตรการที่สอดคล้องกับสถานการณ์ทั่วโลกที่เริ่มผ่อนคลายมากขึ้น ทั้งนี้ต้องรอให้ ศบค.เห็นชอบถึงจะมีผลบังคับใช้ได้ ส่วนตัว เชื่อว่าการปรับมาตรการดังกล่าวไม่ใช่ปัจจัยหลักที่จะทำให้ผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น เพราะแนวโน้มการติดเชื้อยังเพิ่มขึ้นอยู่ แต่ไม่กระทบต่อระบบสาธารณสุขที่รองรับได้ การปรับแนวทาง ถือว่าเป็นไปตามสถานการณ์ในขณะนี้
นายแพทย์โอภาส ยังได้แนะนำให้กลุ่มเด็กนักเรียนอายุ 12-17 ปี เข้ารับวัคซีนเข็มกระตุ้นก่อนเปิดเทอมในเดือนพ.ค.เพราะในกลุ่มนี้ยังมารับวัคซีนเข็มกระตุ้นน้อย ทั้งนี้ทางคณะแพทยศาสตร์หลายสถาบันได้ทำการศึกษา พบว่า การฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นในเด็กช่วยลดการป่วยหนักและการเสียชีวิตเช่นเดีวยกับผู้ใหญ่ ขณะที่ข้อมูล จาก 50 ประเทศทั่วโลกที่มีการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นในเด็ก ไม่พบผลข้างเคียงใดๆ นอกเหนือจากผลข้างเคียงการรับวัคซีนปกติ เช่น ไข้ ปวด บวม แดงร้อน แขนบริเวณที่ฉีด เป็นต้น
สำหรับแนวทางที่ทางกระทรวงสาธารณสุขแนะนำให้เด็กอายุ 12-17 ปี สามารถรับวัคซีนเข็มกระตุ้นได้ทั้งแบบเต็มโดส และครึ่งโดส แต่หากให้แนะนำ จะแนะนำให้เด็กรับวัคซีนครึ่งโดส เพราะผลข้างเคียงจากวัคซีนจะน้อยกว่าแบบเต็มโดส และมีประสิทธิภาพไม่แตกต่างกัน
ส่วนกลุ่มเด็กอายุ 5-11 ปี ขณะนี้มีการฉีดเข็มหนึ่งไปแล้ว โดยจะฉีดเข็มสองเว้นระยะห่างประมาณ 8 สัปดาห์ ก็อยู่ในขั้นตอนเร่งฉีด เพื่อรองรับการเปิดเทอมเช่นเดียวกัน โดยข้อมูลเด็กอายุ 5-11 ปี มีประมาณกว่า 5 ล้าน 1 แสนคน ฉีดเข็มหนึ่งแล้ว 2 ล้าน 5 แสนคน คิดเป็นร้อยละ 48.7 และฉีดเข็มสองแล้ว 1 แสน 7 หมื่นคน คิดเป็นร้อยละ 3.4
ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุข มีวัคซีนโควิด-19 สำรองประมาณ 3 ล้านโดส ที่กระจายไปโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล เพื่อดำเนินการฉีดให้กับประชาชนในช่วงสงกรานต์ ซึ่งสะดวกต่อประชาชนในการเข้าถึงวัคซีนเมื่อเดินทางกลับภูมิลำเนา
ภาพจาก : AFP