ดร.อนันต์เผยโอมิครอน XE แพร่เร็วกว่า BA.2 อีก 10%
ดร.อนันต์เผยโอมิครอนลูกผสมพันธุ์ XE แพร่กระจายเร็วกว่า BA.2 อีก 10% อนามัยโลกแนะเฝ้าระวัง
วันนี้( 2 เม.ย.65) ดร.อนันต์ จงแก้ววัฒนา นักวิจัยด้านไวรัสวิทยา ไบโอเทค โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Anan Jongkaewwattana เกี่ยวกับ ไวรัสโควิด-19 โดยระบุว่าไวรัสลูกผสมระหว่าง BA.1 กับ BA.2 (ตระกูลที่ขึ้นต้นด้วย X-) ตอนนี้พบเกิดขึ้นออกมาหลายรูปแบบในหลายประเทศ ส่วนใหญ่จะเป็นการนำชิ้นส่วนสารพันธุกรรมด้านหน้า ซึ่งกำหนดการสร้างโปรตีนที่ไวรัสใช้เพิ่ม RNA สำหรับประกอบเป็นอนุภาคภายในเซลล์ ของไวรัส BA.1 ไปรวมกับชิ้นส่วนสารพันธุกรรมด้านหลัง ของ BA.2 ซึ่งกำหนดการสร้างโปรตีนโครงสร้างเช่น โปรตีนหนามสไปค์ โปรตีนโครงสร้างสำหรับพยุงอนุภาค (Membrane) นิวคลีโอแคปซิด (Nucleocapsid) ที่ใช้ปกป้อง RNA ในอนุภาคไวรัสและเราใช้ตรวจ ATK
นอกจากนี้ยังมีโปรตีนตัวเล็กตัวน้อยๆต่างๆอีกหลายชนิดที่หน้าที่ส่วนใหญ่จะเป็นตัวต่อต้านภูมิคุ้มกันจากโฮสต์ ดังนั้นไวรัสลูกผสมเหล่านี้จะมีหน้าตาภายนอกเหมือน BA.2 ทุกประการ แต่เมื่อติดเชื้อเข้าสู่เซลล์แล้ว กลไกอาจจะแตกต่าง เพราะคุณสมบัติของโปรตีนที่ใช้เพิ่มอนุภาคไปเหมือน BA.1 มากกว่า จะแตกต่างในกลไกไหน มากหรือน้อยจาก BA.2 ปกติอย่างไร ยังไม่มีข้อมูลอะไรมายืนยัน ณ ตอนนี้
ในบรรดา X- ทั้งหลาย มีอยู่หนึ่งรูปแบบที่ WHO ออกมาบอกว่าอาจมีประเด็นที่ต้องเฝ้าระวัง ชื่อว่า XE โดยไวรัสรูปแบบนี้มีส่วนด้านหน้ายาวไปถึง ตำแหน่งที่ 11537 หรือส่วนที่สร้างโปรตีน NSP6 มาจากไวรัส BA.1 และ หลังจากนั้น คือ NSP7 เป็นต้นไป จะมาจาก BA.2 โดยเอกสารจาก WHO ระบุว่าข้อมูลเบื้องต้นพบว่า XE จะมีความสามารถในการแพร่กระจายได้ไวกว่า BA.2 ปกติ ไปอีก 10%
เนื่องจาก BA.2 ถือเป็นสายพันธุ์ที่แพร่กระจายได้ไวที่สุดตอนนี้ พอไปพบสายพันธุ์ลูกผสมที่มีแนวโน้มที่แพร่ได้ไวกว่า การพาดหัวข่าวก็จะออกมาแนวที่ว่า XE เป็นไวรัสสายพันธุ์ที่แพร่ได้ไวที่สุด ซึ่งจริงๆแล้วข้อมูลจาก WHO ก็ยังมีน้อยเกินไปที่จะสรุปแบบนั้น แต่เห็นด้วยครับว่า ไวรัสตระกูล X- ทั้งหลายสมควรต้องเฝ้าระวังอย่างยิ่ง
ข้อมูลจาก :เฟซบุ๊ก Anan Jongkaewwattana
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก Anan Jongkaewwattana/รอยเตอร์