TNN เมื่อจีนลดข้อจำกัดแบตเตอรี่ EV ด้วยนวัตกรรมล้ำสมัย (ตอน 3) โดย ดร.ไพจิตร วิบูลย์ธนสาร

TNN

คอลัมนิสต์

เมื่อจีนลดข้อจำกัดแบตเตอรี่ EV ด้วยนวัตกรรมล้ำสมัย (ตอน 3) โดย ดร.ไพจิตร วิบูลย์ธนสาร

เมื่อจีนลดข้อจำกัดแบตเตอรี่ EV ด้วยนวัตกรรมล้ำสมัย (ตอน 3) โดย ดร.ไพจิตร วิบูลย์ธนสาร

เมื่อจีนลดข้อจำกัดแบตเตอรี่ EV ด้วยนวัตกรรมล้ำสมัย (ตอน 3) โดย ดร.ไพจิตร วิบูลย์ธนสาร รองประธานและเลขาธิการหอการค้าไทยในจีน

ในการขยายพื้นที่เครือข่ายบริการแท่นชาร์จเร็วไปยังพื้นที่อื่นในจีน นับว่าเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ...


โดยเมื่อต้นปี 2024 จีนได้จัดตั้งเขตสาธิตการชาร์จ EV อัจฉริยะ และศูนย์บริการสลับแบต ในมณฑลเจียงซูที่มีอาณาเขตเกือบ 500 ตารางกิโลเมตร ครอบคุลมหลายหัวเมืองในมณฑลเจียงซู อาทิ ซูโจว อู๋วซี และฉางโจว ใหญ่กว่าพื้นที่ของสมุทรสงคราม จังหวัดที่เล็กที่สุดของไทยเล็กน้อย


เขตสาธิตนี้มีเสาชาร์จที่ติดตั้งขึ้นใหม่รวมจำนวนถึง 1,300 ต้น และพร้อมพรั่งด้วย “ความอัจฉริยะ” ที่ช่วยให้ผู้ขับขี่ EV สามารถชาร์จแบตได้อย่างรวดเร็วและประหยัดที่สุด แถมยังสามารถใช้แอพช่วยค้นหาสถานที่ที่เหมาะสมในการชาร์จแบตอีกด้วย 


สิ่งอำนวยความสะดวกอัจฉริยะที่เปี่ยมประสิทธิภาพดังกล่าวคาดว่าจะสามารถลดระยะเวลาการเข้าคิวชาร์จแบตแก่ EV จำนวนมากกว่า 500,000 คันลงได้ถึงเกือบครึ่งของระยะเวลาที่ใช้เดิมเลยทีเดียว 


เท่านั้นไม่พอ เมื่อเร็วๆ นี้ ยังมีข่าวการเปิดตัวเครื่องชาร์จเจนใหม่ของ Huawei ที่มีความเร็วอย่างน่าตื่นตะลึง “ซุปเปอร์ชาร์จเจอร์” อัจฉริยะรุ่นใหม่นี้ได้รับการพัฒนาโดย Huawei Digital Power ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ Huawei 


โดยอาศัยระบบการระบายความร้อนด้วยการใช้น้ําหล่อเย็น (Liquid-Cooling) ซุปเปอร์ชาร์จเจอร์รุ่นใหม่นี้สามารถชาร์จแบต EV หลากหลายยี่ห้อด้วยความเร็ว “1 กิโลเมตรต่อวินาที” หรือ “60 กิโลเมตรต่อนาที” เร็วกว่าของยุคแรกของสหรัฐฯ ถึงเท่าตัว และเอาชนะแชมป์เก่าอย่าง Tesla ได้อย่างขาดลอย 


ลองคิดดูว่า ถ้าเราจอดพักรถและจิบกาแฟหรือเข้าไปแวะซื้อข้าวของในร้านสะดวกซื้อสัก 10 นาที แบตที่ชาร์จใหม่ก็สามารถวิ่งได้ถึง 600 กิโลเมตรเลยทีเดียว ซึ่งนับว่า “เร็วได้ใจ” เจ้าของ EV อย่างแท้จริง ผู้ใช้ EV ที่ต้องการใช้บริการสามารถมองหาป้าย Huawei ที่มีถ้อยคำ “600kW” แสดงอยู่ใต้โลโก้ได้ 


แต่ผมประเมินว่า สำหรับแบตเจนปัจจุบันที่ใช้กันอยู่ ก็สามารถจะชาร์จเต็มแบตได้ภายในไม่ถึง 8 นาที ทั้งนี้ ระยะเวลาที่ใช้อาจแตกต่างกันไปได้ขึ้นอยู่กับอุณหภูมิและความจุที่เหลือของแบต

ยิ่งไปกว่านั้น Huawei ยังตั้งเป้าจะติดตั้งแท่นชาร์จประสิทธิภาพสูงดังกล่าวจำนวนถึง 100,000 เสาตามแหล่งสิ่งอำนวยความสะดวกเชิงพาณิชย์และทางด่วนในจีนภายในสิ้นปี 2024 

ทั้งนี้ Huawei มุ่งเน้นที่จะขยายเครือข่ายกับตลาดในประเทศก่อน จึงคาดว่า “ซุปเปอร์ชาร์จเจอร์อัจฉริยะ” นี้จะได้รับการพัฒนาอย่างกว้างขวางในจีนในช่วง 6-7 ปีข้างหน้า ซึ่งภึงตอนนั้น จีนน่าจะติดตั้งโครงสร้างพื้นฐานการชาร์จคุณภาพสูงครอบคลุมหัวเมืองหลักและรองทั่วประเทศไปแล้ว 


รวมทั้งเส้นทางด่วนสายหลักของจีน อาทิ สาย 318 ที่มีความยาว 5,476 กิโลเมตรทอดยาวจากเซี่ยงไฮ้ ผ่านเจ้อเจียง และอานฮุยทางซีกตะวันออก หูเป่ยในบริวณตอนกลาง และเข้าไปถึงฉงชิ่ง เสฉวน และทิเบตทางซีกตะวันตกของจีนภายในปี 2030 สิ่งนี้จะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยเชิงบวกสนับสนุนการใช้ EV ของจีนในอนาคต


อีกหนึ่งแนวทางในการแก้ไขปัญหาและข้อจำกัดของแบต EV ก็คือ จีนพัฒนาเทคโนโลยีการสลับแบต EV หรือที่คนไทยเรียกกันติดปากว่า “การสวอปแบต” 


อันที่จริง นวัตกรรมนี้มี Better Place กิจการของชาวยิวที่ลงทุนในซานฟรานซิสโกเป็นผู้บุกเบิกเมื่อปี 2008 แต่ก็ปิดกิจการลงในเวลาต่อมา 

ในปี 2021 Ample สตาร์ทอัพอีกรายหนึ่งได้เปิดสถานีสลับแบตในซานฟรานซิสโก โดยมุ่งเป้าไปที่คนขับแท๊กซี่ Uber ที่ใช้รถ Nissan Leaf และขยายความร่วมมือไปสู่ตลาดต่างประเทศ 


โดยเมื่อไม่นานมานี้ บริษัทยังประกาศว่าจะให้บริการกลุ่มตลาดรถยนต์แบบองค์กร เช่น แท๊กซี่ ในเมืองเกียวโต ญี่ปุ่น และร่วมมือกับ Stellantis เพื่อเปิดให้บริการนี้ในกรุงมาดริด สเปน


ขณะที่ในจีน หลายคนก็นึกถึง Nio สตาร์ตอัพ EV ที่วางตำแหน่งทางการตลาดว่าเป็น “Tesla แห่งจีน” ก็นับเป็นรายแรกที่คิดค้นและนำเสนอนวัตกรรมนี้


อย่างไรก็ดี ในระยะแรก บริการนี้ก็มิได้ถูกใช้อย่างแพร่หลายเร็วอย่างที่คาดคิด เพราะ EV ในจีนมีหลากหลายยี่ห้อ และแบตของแต่ละยี่ห้อและรุ่นก็อาจมีขนาดและสเป็คที่แตกต่างกัน ทำให้เทคโนโลยีนี้มีข้อจำกัดในเรื่องขนาดและคุณภาพของแบตที่ต้องได้รับการออกแบบแบตที่ได้มาตรฐานมาใช้ให้สามารถเข้ากับ EV ได้อย่างหลากหลาย 

ผู้ให้บริการยังต้องลงทุนสต็อกแบตเป็นจำนวนมากและก่อสร้างสถานีสลับแบตที่มีมาตรฐานเดียวกัน 


งานวิจัยหนึ่งระบุว่า การก่อสร้างสถานีสลับแบตต้องใช้เงินลงทุนราว 500,000 เหรียญสหรัฐฯ ขณะที่สถานีชาร์จใช้เงินลงทุนราว 200,000-300,000 เหรียญสหรัฐฯ ความคุ้มค่าในการลงทุนจึงเป็นอีกหนึ่งความท้าทายที่รออยู่


นอกจากนี้ ผู้ให้บริการนี้ยังต้องเผชิญกับข้อจำกัดเชิงพฤติกรรมของผู้บริโภคที่มุ่งหวัง “ความสะดวก” และ “ความประหยัด” ทั้งค่าใช้จ่ายและเวลา ควบคู่กันไป ทำให้สถานีสลับแบตมีเงื่อนไขด้านการตลาดที่ควรตั้งอยู่ใน “ทำเล” ที่เหมาะสม อาทิ แหล่งชุมชนหรือทางผ่านคล้ายกับสถานีบริการน้ำมัน 


ลองคิดดูว่า ถ้าผู้ใช้ EV ต้องขับรถไปหลายนาทีเพื่อใช้บริการสลับแบต ความสะดวกและความประหยัดเวลาที่เป็น “จุดเด่น” ของบริการนี้ รวมทั้งลูกค้าที่ต้องการใช้บริการนี้ก็อาจหดหายไปในทันที


ในเชิงธุรกิจ ผู้ให้บริการก็อาจไม่ต้องการลงทุนก่อสร้างสถานีสลับแบตในพื้นที่ชนบทที่มีการใช้ EV ไม่หนาแน่นนัก สิ่งนี้อาจส่งผลเสียต่อการขยายการใช้ EV ให้กระจายตัวในเชิงภูมิศาสตร์ และนโยบายการสร้างความกระชุ่มกระชวยให้กับพื้นที่ชนบท


นอกจากนี้ อีกงานวิจัยหนึ่งก็ระบุว่า เจ้าของ EV ในปัจจุบันส่วนใหญ่ยังไม่มั่นใจในคุณภาพของแบตที่สลับสับเปลี่ยนเข้ามาใช้กับ EV ว่าดีเหมือนของเดิม หรือส่งผลกระทบต่อระบบไฟฟ้าโดยรวมของ EV ของตนหรือไม่ อย่างไร


แต่โดยที่รัฐบาลจีนตระหนักดีถึงศักยภาพของเทคโนโลยีนี้ที่ช่วยให้สามารถเปลี่ยนแบตที่ใช้แล้วเป็นแบตที่มีกระแสไฟฟ้าเต็มได้ในเวลาเพียงไม่กี่นาที จึงให้ความสนใจอย่างมากที่จะสร้างมาตรฐานเพื่อสร้างความประหยัดอันเนื่องจากขนาด 


ในปี 2021 กระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศ ซึ่งทำหน้าที่กํากับดูแล EV ของจีน ได้ออกข้อกำหนดมาตรฐานความปลอดภัยสําหรับสถานีสลับแบตเป็นมาตรฐานแห่งชาติฉบับแรกของจีน ซึ่งนำไปสู่แนวทางการก่อสร้างสถานีสลับแบตและสิ่งอํานวยความสะดวกในการชาร์จให้มีมาตรฐานและเสริมซึ่งกันและกัน


เห็นจุดยืนและนโยบายของรัฐบางจีนที่ชัดเจนเช่นนี้แล้ว เราก็อาจคลายความกังวลในประเด็น “Standardization” ของเทคโนโลยีการสลับแบตของจีนไปได้ในระดับหนึ่งแล้ว 

แม้ว่าการพัฒนาอุตสาหกรรม EV จะมิได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่โลกยานยนต์ก็กำลังเปลี่ยนจากระบบสันดาปไปสู่พลังงานทางเลือกอย่างชัดเจนเพื่อประโยชน์ของผู้ที่เกี่ยวข้องในวงกว้าง 


การพัฒนาแบตคุณภาพสูง เทคโนโลยีการกำจัดและรีไซเคิ้ลแบตเก่า ซุปเปอร์ชาร์ตเจอร์ การสลับแบต และอื่นๆ ยังคงต้องเดินหน้าต่อไป และหากต้องเผชิญกับความท้าทายใดๆ ในอนาคต ก็ขอให้นึกเสมอว่า “ปัญหามีไว้พุ่งชน” ครับ ...


ภาพจากAFP 

ข่าวแนะนำ