CPF เล็งเพิ่มสัดส่วนอาหารแปรรูป หนุนรายได้-กำไร เติบโตต่อเนื่อง
CPF เปิดแผนปี 68 เน้นทำธุรกิจด้วยความระมัดระวัง พร้อมจับตานโยบายทรัมป์ 2.0 แต่ยังมั่นใจรายได้ และกำไรในปี 2568 ยังโตต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนอาหารแปรรูป หลังการบริโภคเพิ่มขึ้น จากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น และราคาวัตถุดิบลด ล่าสุด CPF ยังจับมือกับนิปปอนแฮมฟู้ดส์ขยายตลาดเอเชียเพิ่มเติม
นายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหาร บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร หรือ CPF เปิดเผยว่า เป้าหมายรายได้ของบริษัทในปีนี้ดีต่อเนื่องจากปีก่อน เนื่องจากราคาวัตถุดิบลดลง ขณะที่ความต้องการบริโภคมีเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะในส่วนของผลิตภัณฑ์อาหารแปรรูป ที่ได้รับการตอบรับดี และอาหารไทยในต่างประเทศเป็นที่ยอมรับในวงกว้างมากขึ้น
ทั้งนี้ บริษัทยังคงการปรับพอร์ตธุรกิจภายในอย่างต่อเนื่องระหว่าง โดยการเพิ่มสัดส่วนผลิตภัณฑ์อาหารแปรรูป ซึ่งปัจจุบันสัดส่วนของผลิตภัณฑ์อาหารแปรรูปได้เข้ามามีบทบาท และมีสัดส่วนต่อรายได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดขยับขึ้นมาอยู่ที่ประมาณร้อยละ 22 หรือราว 5-6 หมื่นล้านบาท เพราะผลิตภัณฑ์อาหารแปรรูป มีความต้องการบริโภคเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากการเดินทางเข้ามาของนักท่องเที่ยว และสามารถส่งออกได้เพิ่ม และมีราคาที่ดีกว่าอาหารสด หลังงวดไตรมาส 3 ปี 2567 ที่ผ่านมา ซีพีเอฟ มีกําไรสุทธิ 7,309 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 5.04 เท่า (504%) เมื่อเทียบงวดเดียวกันปีก่อน
สำหรับแผนในปี 2568 บริษัยังคงดำเนินนโยบายการทำธุรกิจด้วยความระมัดระวัง เนื่องจากยังมีปัจจัยเสี่ยงด้านต่างๆ ที่จะต้องติดตามอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกรวมถึงเศรษฐกิจไทยด้วย รวมไปถึงยังต้องติดตามการก้าวขึ้นมาดำรงดำแหน่งของ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ในสมัยที่ 2 ว่ามีนโยบายต่างๆ จะส่งผลต่อระบบเศรษฐกิจของโลกอย่างไร เพราะมีผลต่อการทำธุรกิจและการลงทุน
สำหรับงบลงทุนของบริษัทในปีนี้ บริษัทคาดว่าจะไม่แตกต่างจากปีก่อนๆ และไม่มีการลงทุนในโครงการใหญ่ โดยงบฯ ส่วนใหญ่จะเป็นงบในการปรับปรุงขบวนการผลิตของบริษัทให้มีประสิทธิภาพ เพื่อลดต้นทุน และการเปลี่ยนผ่านในการนำพลังงานสะอาดในกระบวนการผลิต และผลักดันการทำธุรกิจของบริษัทเข้าสู่ Net Zero ตามเป้าหมายที่วางไว้ ในปี 2050
และล่าสุด ซีพีเอฟ ร่วมกับบริษัท นิปปอนแฮมฟู้ดส์ จำกัด หรือ NHF ผู้นำอุตสาหกรรมอาหารจากญี่ปุ่น ลงนามข้อตกลงหุ้นส่วนเชิงกลยุทธ์แบบครบวงจร (Comprehensive Strategic Partnership Agreement) มุ่งขยายธุรกิจอาหารแปรรูปไทย-ญี่ปุ่น ซึ่งนิปปอนแฮมฟู้ดส์ เป็นผู้นำด้านอาหารแปรรูปของญี่ปุ่นที่มีเครือข่ายธุรกิจใน 16 ประเทศ จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้ทั้งสององค์กรทั้งในด้านความเชี่ยวชาญ เทคโนโลยี และเครือข่ายการตลาด เพื่อพัฒนาและส่งมอบผลิตภัณฑ์อาหารคุณภาพสูงตอบโจทย์ผู้บริโภคในภูมิภาคเอเชีย โดยความร่วมมือครั้งนี้จะเน้นการขยายช่องทางจำหน่ายใน 4 ตลาดหลัก ได้แก่ ไทย ญี่ปุ่น สิงคโปร์ และฮ่องกง พร้อมบูรณาการตั้งแต่การจัดหาวัตถุดิบจนถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่
ข่าวแนะนำ