จับตานโยบายทรัมป์ ผลต่อยิลด์พันธบัตรสหรัฐที่ยืนสูง 4.7%
บลจ.ทิสโก้ ชี้โอกาสลงทุนใลาดหุ้นสหรัฐฯ ในจังหวะที่ Bond Yield และ Money market ให้ผลตอบแทนสูงซึ่งจะกดดันให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับย่อลง เป็นจังหวะเข้าสะสม เน้นหุ้นที่ได้ประโยช์จากการเมืองสหรัฐ
นายกันติพัฒน์ วงศ์สุคนธ์ Head of Wealth Advisory บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่า จากการที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ (Bond Yield) ขึ้นมาสูงที่ระดับร้อยละ 4.7 ถือว่าสูงใกล้เคียงกับจุดสูงสุด (นิวไฮ) ของปี 2567 (เมื่อวันที่ 25 เม.ย.) ขณะที่ กองทุนรวมตลาดเงิน (Money market) ผลตอบแทนสูงอยู่ที่ร้อยละ 4.3 ซึ่งอัตราผลตอบแทนที่สูงขึ้นขนาดนี้มีปัจจัยหนุน คือ
1) สะท้อนข่าวในประเด็นที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะลดดอกเบี้ยเพียง 2 ครั้งในปี 2568 ลดลงจากเดิมที่ตลาดคาดการณ์ว่าจะลดราว 4 ครั้ง หรือลอดลงประมาณร้อยละ 1
2) นโยบายของว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ทั้งการเก็บภาษีการค้าที่จะสูงขึ้น ,การขาดดุลงบประมาณที่มีแนวโน้มมากขึ้น
3) ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังออกมาในทิศทางที่ยังเคิบโตดี ตั้งแต่ตัวเลขการจ้างงานเดือน พ.ย. 2567 , เงินเฟ้อที่ยังทรงตัว สูง และ ล่าสุด Job Opening หรือ ตำแหน่งงานเปิดใหม่ ในเดือน พ.ย. 2567 ยังเพิ่มขึ้น ขณะที่ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (Purchasing Managers Index หรือ PMI) ภาคบริการเพิ่มขึ้น
4) การประมูลพันธบัตรสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้ มีความต้องการ ( demand) ไม่สูง ประกอบการกับเปิด short position ของ นักลงทุนเข้ามาเก็งกำไร ,ราคาพันธบัตรปรับลดลง
ทั้งนี้ ในระยะสั้นอาจต้องระวัง อัตราผลตอบแทน (yield) ที่เร่งตัวขึ้นยังมีโมเมนตัมอยู่ โดยวันศุกร์ที่ 10 ม.ค.นี้ จับตา การประกาศตัวเลขการจ้างงานสหรัฐฯ หากตัวเลขออกมาดีกว่าที่ตลาดคาดที่ 1.63 แสนตำแหน่ง อาจจะส่งผลให้ Yield ปรับขึ้นได้ต่อ
สำหรับปัจจัยอะไรที่ต้องจับตา และอาจะทำให้ Yield ปรับลดลงได้บ้างนั้น มองว่า ต้องติดตามดูตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่จากนี้ อาจไม่ร้อนแรงเกินไป ยังมองว่าตัวเลขการจ้างงานฯ ที่ออกมาในช่วงไตรมาส 4 น่าจะเร่งขึ้นชั่วคราว ,จับตาความชัดเจนของนโยบายด้านการคลัง หลังประธานาธิบดีทรัมป์ เข้าดำรงตำแหน่ง ,ทิศทาง รมว.คลังคนใหม่ Scott Bessent ที่เน้นการลดการขาดดลงบประมาณ , ลดค่าใช้จ่าย ,ขยายเวลาการลดภาษีของประธานาธิบดีทรัมป์ ผสมผสานระหว่างความเข้มงวดทางการคลังกับการลดกฎระเบียบและการใช้ภาษีการค้าค่อยเป็นค่อยไป
สรุปแล้วจากปัจจัยที่ Yield เร่งตัวขึ้นในระยะนี้ ทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ อาจเข้าสู่โหมดปรับฐานได้ แต่ยังมองว่ากรปรับขึ้นของ Yield ได้ะท้อนปัจจัยต่างๆ ไปมากแล้ว เป็นจังหวะในการทยอยสะสม เน้นหุ้นที่ได้ประโยช์จากการเมืองสหรัฐ (Trump Trade) เป็นกลุ่มหุ้นที่น่าสนใจและมีแนวโน้มเติบโตในจังหวะที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ย่อจาก Bond Yield ปรับขึ้นได้ ขณะที่ การลงทุนในตลาดหุ้นประเทศเศรษฐกิจของตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market หรือ EM) ที่ปรับย่อลงมามากจากความกังวลตอผลกระทบของนโยบายสหรัฐและถูกตลาดสหรัฐฯ ดึงความสนใจในการลงทุนได้ดีกว่าในช่วงที่ผ่านนั้น ก็เริ่มน่านใจมากขึ้น จากการประเมินมูลค่าหุ้น (valuation) ที่ถูกลงมาก เป็นอีกโอกาสในการเข้าสะสม รวมถึงการแบ่งพอร์ตสะสมทองคำบางส่วนด้วย จากความสนใจเข้ามาซื้อสะสมของจีนรอบใหม่ หลังราคาปรับลงมาระดับหนึ่งแล้ว
ข่าวแนะนำ