TNN SET ESG Ratings ทำสถิตินิวไฮ 228 ปี 67 บริษัทจดทะเบียนไทยใส่ใจมากขึ้น

TNN

รายการ TNN

SET ESG Ratings ทำสถิตินิวไฮ 228 ปี 67 บริษัทจดทะเบียนไทยใส่ใจมากขึ้น

SET ESG Ratings ทำสถิตินิวไฮ 228 ปี 67 บริษัทจดทะเบียนไทยใส่ใจมากขึ้น

บริษัทจดทะเบียนไทยเร่งปรับตัวการดำเนินงานด้าน ESG อย่างเข้มข้น โดยให้ความสำคัญในเรื่องการวิเคราะห์ประเด็นสำคัญของธุรกิจที่มีผลกระทบและการวางแผนกลยุทธ์รับมือ ขณะที่ในปี 2567 หุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings ทำสถิตินิวไฮถึง 228 บริษัท เป็นอีกหนึ่งข้อมูลที่นักลงทุน นำไปใช้เปรียบเทียบ เพื่อประกอบการลงทุนได้

จากปัญหาสิ่งแวดล้อมและสังคมที่นับวันจะรุนแรงขึ้น เรื่อง “ความยั่งยืน” กลายเป็นกติกาที่กำหนดให้ผู้คนใช้ชีวิตอย่างมีความรับผิดชอบหรือทำธุรกิจโดยคำนึงถึงESG หรือสิ่งแวดล้อม (Environment: E) สังคม (Social: S) และบรรษัทภิบาล (Governance: G) ในแวดวงการเงินการลงทุนก็ใช้‘ข้อมูลการดำเนินงานESG’ เป็นตัวตัดสินว่าบริษัทไหนทำเรื่องESGได้ดีบ้างซึ่งทั่วโลกมีผู้ประเมินและจัดอันดับเรตติ้งด้าน ESG มากมายสำหรับประเทศไทยมีหุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings ที่คัดบริษัทตัวท็อปด้าน ESG จนมีนักลงทุนนำไปใช้เป็นเครื่องมือประกอบในการตัดสินใจลงทุน


ทั้งนี้ หุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings คือ หุ้นที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย คัดกรองมาแล้วว่าดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม รับผิดชอบต่อสังคม และบริหารงานตามหลักบรรษัทภิบาล โดยจะประกาศผลในช่วงเดือนธันวาคมของทุกปี


โดยบริษัทที่จะได้อยู่ในทำเนียบหุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings ต้องผ่านเกณฑ์คัดกรองถึง 3 ด่าน

ด่านแรก คือ เกณฑ์คัดกรองเบื้องต้น เช่น ไม่เข้าข่ายอาจถูกเพิกถอน ไม่ถูกขึ้น SP จากการส่งงบล่าช้าไม่ถูกขึ้นเครื่องหมาย CB, CS, CC, CF เป็นต้น

ด่านที่ 2 คือ เกณฑ์คะแนนจากแบบประเมิน โดยบริษัทต้องได้คะแนนไม่น้อยกว่า 50% ในแต่ละมิติ ESG 

ด่านที่ 3 คือ เกณฑ์คุณสมบัติของบริษัทซึ่งจะพิจารณาตลอดกระบวนการหากไม่เป็นไปตามคุณสมบัติจะถูกคัดออกจาก SET ESG Ratings ระหว่างปีได้ เช่น ไม่เป็นบริษัทที่ส่งงบการเงินล่าช้า ไม่ถูกทางการตัดสินความผิดในประเด็นด้าน ESG และต้องมีกำไรสุทธิอย่างน้อย 3 ใน 5 ปี เป็นต้น 


บริษัทที่สามารถผ่านด่านทั้งหมดนี้ จึงจะได้เป็นหุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings ซึ่งแบ่งเป็น4 ระดับ ได้แก่ AAA (90-100 คะแนน) AA (80-89 คะแนน) A (65-79 คะแนน) และ BBB (50-64 คะแนน) 


และหุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings ถือเป็นตัวช่วยสร้างความน่าสนใจให้บริษัทในสายตาของนักลงทุนทำให้บริษัทเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้น ในขณะเดียวกันก็เป็นข้อมูลเบื้องต้นสำหรับนักลงทุนใช้เปรียบเทียบการดำเนินงานESG ของแต่ละบริษัท เพื่อประกอบการวิเคราะห์และตัดสินใจลงทุน สะท้อนได้จากเม็ดเงินลงทุนด้าน ESG ในไทยกว่า 1.6 แสนล้านบาทที่นำ SET ESG Ratings ไปใช้เป็นเกณฑ์หนึ่งในการลงทุน เช่น กองทุนวายุภักษ์ หนึ่งมูลค่า 1.5 แสนล้านบาท และกองทุนThaiESGกว่า 51กองทุน มูลค่ารวมราว 14,545ล้านบาท (ข้อมูล ณ วันที่30พฤศจิกายน2567) 


สำหรับหุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings ในปี 2567ทำสถิตินิวไฮถึง 228 บริษัท โดยหุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings ประจำปี 2567 มีด้วยกันทั้งสิ้น228 บริษัท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนถึง 37 บริษัท นับว่าน่าตื่นเต้นเป็นนิวไฮ ให้นักลงทุนได้จับจังหวะลงทุนใหม่ๆ ด้วยตัวเลือกใหม่สอดคล้องกับจำนวนบริษัทที่สมัครใจเข้าร่วมการประเมินเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดแตะ320บริษัทเป็นครั้งแรกในปีนี้


หุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings ทั้งหมดนี้ แบ่งเป็น ระดับ AAA 56 บริษัท ,ระดับ AA 80 บริษัท ,ระดับ A 71 บริษัท และระดับ BBB 21 บริษัท ซึ่งน่าสนใจมากว่าระดับที่มีจำนวนบริษัทเพิ่มขึ้นมากที่สุด คือ กลุ่ม AAA จากเดิมมีเพียง 33 บริษัทกลายเป็น 56 บริษัทในปีนี้

 

นอกจากนี้ หุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings ยังกระจายอยู่ในทั้ง8 กลุ่มอุตสาหกรรม โดยมีกลุ่มธุรกิจบริการมากที่สุดถึง43บริษัทตามมาด้วยกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้างและกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรมที่กลุ่มละ 34 บริษัท


มีบริษัทที่สมัครเข้าร่วมประเมินเป็นปีแรกและได้ติดอยู่ในทำเนียบ SET ESG Ratings เลย55 บริษัท สะท้อนว่าบริษัทจดทะเบียนไทยกำลังเร่งปรับตัวและยกระดับ ESG อย่างเข้มข้นโดยเฉพาะเรื่องการเปิดเผยข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อมซึ่งสอดคล้องกับเทรนด์ทั่วโลกที่เริ่มกลายเป็นกฎเกณฑ์ และนักลงทุนกำลังมองหาเพื่อนำไปใช้ประกอบการตัดสินใจลงทุน


ขณะที่จุดแข็งหุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings ปี 2567 เมื่อวิเคราะห์ข้อมูลผลประเมินหุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings พบว่า ทุกบริษัทกำลังเร่งปรับตัวใน 3 เรื่องสำคัญ ดังนี้

 1) วิเคราะห์ประเด็นที่เป็นสาระสำคัญ (Materiality) แบบชัด ๆ ทุกบริษัทเน้นเปิดเผยกระบวนการวิเคราะห์และระบุประเด็นที่เป็นสาระสำคัญด้านความยั่งยืน โดยเทียบประเด็นกับเป้าหมาย Sustainable Development Goals (SDGs) พร้อมระบุว่าแต่ละประเด็นมีผลกระทบอะไรต่อธุรกิจและธุรกิจวางกลยุทธ์หรือแผนธุรกิจมาจัดการกับประเด็นเหล่านั้นอย่างไร โดยมักตั้งเป้าหมายและกรอบระยะเวลาที่ชัดเจน 

2) ลูกค้ายังสำคัญเสมอ ทุกบริษัทเน้นเรื่องการบริหารจัดการความสัมพันธ์กับลูกค้า โดยกำหนดเป้าหมายในการรักษาและพัฒนาความพึงพอใจของลูกค้าอย่างต่อเนื่อง นำผลการสำรวจความพึงพอใจของลูกค้าไปพัฒนาสินค้าและบริการ รวมถึงกระบวนการทำงานของบริษัทมุ่งสร้างการเติบโตในระยะยาว 

3) เน้นหัวใจสีเขียว บริษัทส่วนใหญ่เน้นเรื่องการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพโดยมักกำหนดและเปิดเผยเป้าหมายในการลดการใช้ทรัพยากร เช่น การใช้ไฟฟ้า การใช้น้ำ และการลดการปล่อยของเสีย โดยดำเนินโครงการที่ให้พนักงานมีส่วนร่วม รวมถึงจัดตั้งหน่วยงานหรือผู้รับผิดชอบงานด้านสิ่งแวดล้อมโดยเฉพาะ ซึ่งนอกจากจะช่วยลดต้นทุนในการดำเนินงานแล้ว ยังช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน 


อย่างไรก็ดี บริษัทจดทะเบียนยังควรพัฒนาเพิ่มเติมเรื่องการจัดการห่วงโซ่อุปทานเพื่อลดความเสี่ยงจากการจัดหาวัตถุดิบหรือบริการที่จำเป็นต่อการทำธุรกิจ การสนับสนุนนวัตกรรมเพื่อเพิ่มมูลค่าให้ผลิตภัณฑ์และบริการ ตลอดจนให้ความสำคัญกับการดำเนินงานด้านสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องการเคารพสิทธิมนุษยชน 


สุดท้ายนี้หากจะมองหาตัวช่วยในการลงทุน มองหาหุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings ซึ่งหุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings  นับเป็นเครื่องมือสำคัญที่นักลงทุนสามารถนำไปใช้ประกอบในการตัดสินใจลงทุน โดยอาจนำไปใช้เป็นตัวสกรีนหุ้นเบื้องต้นควบคู่กับปัจจัยพื้นฐานของหุ้นที่สนใจ หรือปรับน้ำหนักการลงทุนในพอร์ตโฟลิโอตามความเสี่ยงที่ยอมรับได้ เพื่อบริหารความเสี่ยงหรือสร้างโอกาสในการหาผลตอบแทนในระยะยาว 


ข่าวแนะนำ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง