จัดมุมมองการลงทุน สู้ศึกความผันผวนในปี 2568
จิตตะ เวลธ์ แนะ 3 แนวคิดตั้งรับความผันผวนที่จะสูงขึ้นในปี 2568 โดยการจัดสินทรัพย์เพือลงทุนในพอร์ตหลักยังให้น้ำหนักในตลาดหุ้นทัวโลกและตราสารหนี้ ส่วนพอร์ตเสริมแนะกระจายหาผลตอบแทนที่ดีในความเสี่ยงที่สูงขึ้น เน้นหุ้นเทคโนโลยีสหรัฐและจีน รวมถึงแบ่งลงในตลาดหุ้นเวียดนาม
นายประภัศร์พงษ์ นันทกิจพัฒนา (บาส) ผู้จัดการกองทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนจิตตะ เวลธ์ จำกัด เปิดเผยว่า การลงทุนในปี 2568 มีแนวโน้มจะผันผวนมากขึ้น จากนโยบายของ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าประธานาธิบดีสหรัฐ ซึ่วจะมีพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 20 ม.ค.นี้ โดยเฉพาะนโยบาบสำคัญในเรื่องการยกระดับกำแพงภาษีศุลกากรของสินค้าทีจะนำเข้าสหรัฐ ซึ่งจะเพิ่มความรุนแรงของสงครามการค้า (เทรดวอร์) ที่อาจจะไมได้จำกัดอยู่แค่กับจีน แต่น่าจะกระทบไปถึงประเทศทีเกินดุลการค้ากับสหรัฐด้วย นอกจากนี้ การขึ้นภาษีสินค้านำเข้ายังอาจจะกระทบต่อเงินเฟ้อของสหรัฐให้สูงขึ้นด้วย
โดยล่าสุดธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ส่งสัญญาณไว้ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) ในครั้งสุดท้ายปี 2567 1 ว่าอาจจะลดดอกเบี้ยน้อยครั้งลงจาก 4 ครั้งอาจเหลือประมาณ 2 ครั้ง ส่งผลกระทบต่อทิศ?างตลาดหุ้นสหรัฐและตลาดหุ้นทั่วโลก
นอกจากนี้ ประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่อย่างจีนยังเผชิญกับความท้าทายจากเทรดวอร์ที่กำลังจะเกิดขึ้น และเศรษฐกิจภายในของจีนเองก็ยังมีอีกหลายปัจจัยที่ต้องติดตามดู ทั้งปัญหาการอุปโภคและบริโภคในประเทศและปัญหาในภาคอสังหาริมทรัพย์ ที่่รัฐบาลจีนแก้ไขได้ล่าช้า แต่รัฐบาลจีนยังมีศักยภาพที่จะใช้ทั้งนโยบายการเงินและนโยบายการคลังในการกระตุุ้นเศรษฐกิจเพื่อรับมือกับเทรดวอร์และสร้างความเชื่อมันให้กับผู้บริโภคในประเทศ แต่ความไม่แน่นอนเหล่านี้อาจสร้างความผันผวนให้ตลาดหุ้นจีนได้
สำหรับแนวคิด (Mindset )ที่จะรับมือกับความผัผวนเหล่านี้มีอยู่ 3 แนวคิด คือ 1) ยึดมั่นในการลงทุนระยะยาว ซึงการลงทุนในระบบทุนนิยมจะเติบโตตามการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ทำให้ความมั่งคั่งในระยะยาวมักจะสูงกว่าจุดเริ่มต้นเสมอ แต่ระหว่างทางอาจผันผวนเหวี่ยงขึ้นลงได้ แต่ถ้ามองข้ามความผันผวนได้ การลงทุนก็จะสามารถหลีกเลี่ยงการตัดสินใจที่ผิดพลาดและรับมือกับความผันผวนระยะสั้นได้
2) ยอมรับในสิ่งที่ควบคุมไมได้ และให้ความสำคัฐกับการจัดพอร์ตโฟลิโอ เพราะโดยปกติจะมีปัจจัยที่อยู่นอกเหนือการลงทุนอยู่แล้ว เช่น ความไม่แน่นอนทางการเมือง และการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจโลก ที่ทำให้เกิดผันผวนระยะสั้นได้ แต่ก็แก้ไขได้ด้วยการจัดพอร์ตที่เหมาะสม กระจายความเสี่ยงในสินทรัพย์ที่หลากหลาย และมีความยืดหยุ่นรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ ได้
และ 3) การศึกษาและพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะช่วยเพิ่มความมั่นใจและความสามารถในการวิเคราะห์สถานการณ์ มองข้ามความผันผวนระยะสั้นได้ มลดความกังวลและมีเหตุผลในสถานการณ์ต่างๆ ได้
สำหรับกลยุทธ์ในการบริหารจัดการพอร์ต เพื่อรับมือความผันผวนนั้น ควรแบ่งพอร์ตเป็นพอร์ตหลัก (Core) ราวร้อยละ 70 ยังให้น้ำหนักกับสินทรัพย์หลักในตลาดหุ้นและตราสารหนี้ทั่วโลก และพอร์ตเสริม (Satellite) ร้อยละ 30 ให้น้ำหนักกับการลงทุนที่เสี่ยงสูงขึ้น ทั้งในหุ้นเติบโต (Growth Stock) โดยสามารถแบ่งร้อยละ 15 ลงทุนในหุ้นเทคโนโลยีสหรัฐ ,ร้อยละ 10 ลงทุนในหุ้นเทคโนโลยีของงจีน และร้อยละ 5 ลงทุนในตลาดหุ้นเวียดนาม เพื่อโอกาสรับผลผลตอบแทนที่ดีและสร้างความมั่นคงให้พอร์ตในระยะยาว ซึ่งสามารถปรับพอร์ตเป็นระยะๆ เช่น ไตรมาสละ 1 ครั้ง เพื่อทบทวนความเหมาะสมของพอร์ตและแบ่งขายทำกำไรบางส่วนในพอร์ต Satellite เพื่อมาเติบในพอร์ตหลัก
ข่าวแนะนำ