เฟดไม่เร่งลดดอกเบี้ย หุ้นสหรัฐย่อเป็นจังหวะซื้อ เน้นหุ้นใหญ่
MFC ประเมินคาดการณ์ดอกเบี้ยเฟดลดดอกเบี้ยปี 2568 ช้า กดดันตลาดหุ้นสหรัฐปรับฐาน ชี้ถ้าตลาดย่อลงมาระดับร้อยละ 5-10 ถือเป็นโอกาสเข้าลงทุน เพราะแนวโน้มหุ้นสหรัฐยังไปต่อตามทิศทางเศรษฐกิจที่เติบโตได้ เน้นหุ้นขนาดใหญ่ที่รับความผันผวนได้ ส่วนหุ้นไทยเข้าใกล้ Oversold มีโอกาสรีบาวด์จึงเป็นจังหวะที่ดีในการเข้าลงทุนเพื่อใช้สิทธิลดหย่อนภาษี
นายไชยวัฒน์ คมโสภาพงศ์ CFP ตำแหน่ง ผู้ช่วยผู้อำนวยการ กลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) หรือ MFC เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นสหรัฐอาจจะโอเวอร์รีแอคต่อผลการประชุมรอบนี้ไปบ้าง หลังธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงร้อยละ 0.25 สู่อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 4.25 - 4.50 เป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ อย่างไรก็ดี รายงานการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟด (Dot Plot) ในปี 2568 กลับผิดไปจากที่ตลาดคาดการณ์ไว้ โดย Dot Plot ชี้ว่าจะมีการลดแค่ 2 ครั้ง ครั้งละร้อยละ 0.25 ราวร้อยละ 0.5 น้อยกว่าคาดการณ์ว่าจะมีการลด 4 ครั้ง หรือราวร้อยละ 1 โดย นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐย้ำว่าในที่สุดแล้วการตัดสินใจปรับดอกเบี้ยในปี 2568 จะขึ้นอยู่กับข้อมูลที่เข้ามาใหม่ ซึ่งตลาดหุ้นสหรัฐผิดหวังทำให้ตลาดหุ้นร่วงลงทุกดัชนี
อย่างไรก็ดีในแง่การเติบโตทางศรษฐกิจของสหรัฐเฟดยังมองเศรษฐกิจเติบโตได้ในทิศทางที่ดี คือ คาดกว่าปี 2567 โตร้อยละ 2.5 และปี 2568 คาดจะโตร้อยละ 2.1 ซึ่งเทียบกับประเทศพัฒนาแล้วด้วยกันดูเหมือนเศรษฐกิจของสหรัฐจะดูดีที่สุดด้วย ดังนั้น การทีหุ้นสหรัฐปรับฐานลงมานาจะป็นผลจากการประเมินมูลค่าหุ้น (Valuation) ที่ตึงตัวจากการปรับขึ้นมาต่อเนื่อง โดยค่า PE ก็เทรดกันสูงกว่าค่าเฉลี่ย 10 ปีที่ ที่ระดับ 2SD จึงทำให้อาจถึงวลาที่ตลาดต้องปรับฐานบ้าง ซึ่งหากตลาดปรับลดลงราวร้อยละ 5 จากจุดสูงสุดจะถือเป็นจังหวะที่เหมาะสมสำหรับการทยอยเข้าสะสมการลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐ หลังในคืนที่ผ่านมาตลาดลดไปแล้วประมาณร้อยละ 3
ส่วนทิศทาง Fund Flow หรือ การเคลื่อนย้ายเงินลงทุนต่างประทศในระยะถัดไปคาดว่า ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐน่าจะอยูในทิศทางแข็งค่าอย่างน้อยในช่วงไตรมาส 1/2568 จากสินทรัพย์ที่อยู่ในประเทศต่างๆ กลับเข้ามาในสหรัฐ ซึ่ง Emerging Market หรือ คือ ประเทศตลาดเกิดใหม่ อาจต้องระวัง Fund Flow ไหลกลับสหรัฐ เพราะตลาดหุ้นสหรัฐดูจะเป้นตลาดที่ดูดีทีสุดในจังหวะนี้้ สะท้อนจากมุมมองตลาดที่ให้เป้าหมายเฉลี่ยของ S&P 500 ที่ระดับประมาณ 6,600 จุด ซึ่งสูงสุดให้ 7,000 จุด และต่ำสุดให้ประมาณ 6,000 จุด ซึ่งจากค่าเฉลี่ยที่ 6,600 จุด จะมีอัพไซต์ที่ประมาณร้อยละ 12 จากปัจจุบัน จึงน่าจะดึงดูด Fund Flow ได้ แต่อาจต้องระมัดระวังนโยบายของว่าทีประธานาธิบดีทรัมป์ ที่อาจมากระทบตลาดในต้นปี 2568 ซึ่งหากตลาดปรับฐานลงมากกว่าร้อยละ 10 อาจสะท้อนถึงการเปลี่ยนเทรนด์ของตลาดได้ แต่หากปรับฐานระดับร้อยละ 5-10 ยังมองเป็นเทรนด์ขาขึ้นอยู่
ขณะที่ การปรับย่อของตลาดหุ้นไทยในจังหวะนี้ที่ปรับย่อลงเช่นกันก็ถือเป็นจังหวะการเข้าลงทุนลดหย่อนภาษีได้เช่นกัน โดยหกดัชนีตลาดหุ้นไทยยังยืนเหนือระดับ 1.350 จุดได้ น่าจะเป็นแนวรับที่สามารถประคองตลาดไปได้ แต่ตลาดจะกลับมาปรับเด้งขึ้นเป็นแบบวีเชฟ (V-Shape) คงไมใช่ ตลาดน่าจะอยู่ในภาพของการไซต์เวย์มากกว่า ซึ่งตอนนี้ต้องยอมรบว่านักลงทุนขาดความเชื่อมั่นต่อตลาดหุ้นไทย นักลงทุนยังขายสุทธิ ต้องลุ้นให้นักลงทุนสถาบันเข้ามาประคอง แต่ตลาดหุ้นไทยก็เข้าใกล้ภาพที่ขายมากเกินไป (Oversold) ดังนั้น การใช้โอกาสนี้ใช้สิทธิลงทุนในการลดหย่อนภาษีจึงเป็นโอกาสที่ดีเช่นกัน
สำหรับการปรับพอร์ตในจังหวะนี้้ แนะนำการลงทุนในกองทุนหุ้นโลกที่เน้นการลงทุนในหุ้นสหรัฐเป็นหลักและกระจายไปในหุ้นโลก ส่วนหุ้นไทยก็มองเป็นการลงทุนระยะยาวการผ่านความผันผวนช่วงสั้นก็อาจใช้สิทธิลงทุนในกองทุนลดหย่อนภาษีได้มาแทนที่การลงทุนระยะสั้นๆ ได้
ข่าวแนะนำ