TNN จับตาหุ้นสหรัฐปรับฐาน ถ้าเฟดส่งสัญลดดอกเบี้ยแค่ 2 ครั้งปี 68

TNN

รายการ TNN

จับตาหุ้นสหรัฐปรับฐาน ถ้าเฟดส่งสัญลดดอกเบี้ยแค่ 2 ครั้งปี 68

บลจ.ทิสโก้ แนะจัดพอร์ตลงทุนตั้งรับการประชุมเฟดที่จะลดดอกเบี้ยและการข้ารับตำแหน่งของประธานาธิบดีของ "ทรัมป์" โดยให้น้ำหนักในตลาดหุ้นสหรัฐ ตั้งรับดอกเบี้ยที่มีโอกาสลดลงร้อยละ 0.25 ระบุหุ้นไทยยังต้องลงทุนต่อโดยเฉพาะหากดัชนีหลุด 1,380 จุด จะยิ่งน่าสนใจมากขึ้น

นายกันติพัฒน์ วงศ์สุคนธ์ Head of Wealth Advisory  บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่า  คาดการณ์การคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC)ในการประชุมรอบวันที่ 17-18 ธ.ค. 2567 นี้ คาดว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดดอกบี้ยร้อยละ 0.25 เป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ ซึ่งเป็นการลดดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 3 สู่ระดับร้อยละ 4.25-4.5 

 

ทั้งนี้ ในการลงทุนต้องจับตารายงานคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยในอนาคต (Dot Plot) หากส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยปี  2568 ส่งสัญญาณลด 3 ครั้ง มองว่าจะเป็นไปตามที่ตลาดคาดและเป็นปัจจัยหนุนตลาดหุ้นสหรัฐ  แต่หากเฟดส่งสัญญาณเหลือเพียง 1--2 ครั้งอาจจะทำให้ตลาดกังวล และกดดันตลาดหุ้นสหรัฐได้ 


สำหรับคาดการณ์ตัวเลขเศรษฐกิจ GDP และ เงินเฟ้อ ยังมองว่าเฟดจะยังไม่ใส่ปัจจัย การกระตุ้นเศรษฐกิจของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ หรือ ผลกระทบสงครามการค้า ( trade war) เข้าไป จนกว่าจะมีรายละเอียดชัดเจนกว่านี้ 


สำหรับมุมมองต่อทิศทางตลาดหุ้นสหรัฐฯ หากพิจารณาดัชนีตลาด S&P500 ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาปรับขึ้นร้อยละ 7.6 แต่ถ้าดูรายกลุ่มธุรกิจ (sector) เริ่มเห็นแรงขายทำกำไรออกมาต่อเนื่อง เพราะเกิดจากการปรับขึ้นของหุ้นบางตัวเท่านั้น หุ้นเทสลา (Tesla Inc) บวกร้อยละ 84 ,หุ้นแอมะซอน ( Amazon) บวกร้อยละ 22  เป็นต้น ซึ่งในระยะสั้นมีโอกาสที่ตลาดหุ้นสหรัฐจะปรับฐาน แต่คงเป็น Healthy correction หรือ การปรับฐานแบบสุขภาพดี 


โดยปัจจัยการลงทุนยังต้องมองไปข้างหน้าโดยในเดือนม.ค. ปี 2568  ยังต้องติดตามวันที่ 6 ม.ค. Electoral College , วันที่ 20 ม.ค. พิธีสาบานตน , วันที่ 15 ม.ค. เป็นต้นไป เริ่มประกาศผลดำเนินงานกลุ่มธนาคารสหรัฐฯ , วันที่ 29 ม.ค. ประชุมเฟด,การกระตุ้นเศรษฐกิจ ของจีน จะมีอะไรออกมาเพิ่มเติมหรือไม่ 


สำหรับกลยุทธ์การลงทุนในจังหวะนี้ สำหรับนักลงทุนที่รับความสี่ยงในระดับปานกลาง ยังแนะนำให้น้ำหนักในสัดส่วนร้อยละ 50 ของพอร์ตลงทุนในตราสารหนี้สหรัฐและตราสารหนี้ไทย ,ส่วนอีกร้อยละ 20 ลงทุนในหุ้นสหรัฐ เน้นในกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากนโยบายทรัมป์ และกลุ่มไฟแนนซ์ , และอีกร้อยละ10 ลงทุนในตลาดหุ้นตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market หรือ EM ) ไม่รวมตลาดหุ้นจีน ,และอีกร้อยละ 10 ยังแนะนำให้ลงทุนในตลาดหุ้นไทย และหากดัชนีหุ้นไทยลงไปที 1,380 จุด จะยิ่งน่าสนใจ และอีกร้อยละ 10 ที่เหลือแนะให้กระจายความเสี่ยงไปลงทุนในสินทรัพย์อืนๆ อาทิ ทองคำ ที่ล่าสุดราคาทองคำเริ่มนิ่งแล้ว 

ข่าวแนะนำ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง