สัปดาห์หน้าจับตาประชุม 4 ธนาคารกลาง เคาะดอกเบี้ย หนุนทอง?

นายวรุต รุ่งขำ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทวายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จํากัด (YLG) เปิดเผยว่า สถานการณ์ทองในระยะนี้มองว่ามีปัจจัยลบต่อราคาทองคำลดลง หลังจากจีนส่งสัญญาณกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม ซึ่งหนุนราคทองคำสัปดาห์นี้ฟื้นตัวจากสัปดาห์ก่อนที่ย่อตัวลง โดยราคา Gold Spot ปรับขึ้นได้กว่า 30 ดอลลาร์ แต่อย่างไรก็ดีในสัปดาห์หน้าทองคำอาจจะยังปรับตัวขึ้นได้ไม่ไกล 

เนื่องจากตลาดรอผลความชัเจนการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิยของธนาคารกลางขนาดใหญ่ถึง 4 แห่ง คือ ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) , ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ,ธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ซึ่งหากทั้ง 4 แห่งจะส่งผลต่อทิศทางราคา Gold Spot และค่าเงินบาทไทย   ซึ่งยังเชื่อว่า Fed จะยังลดดอกเบี้ยราวร้อยละ 0.25 และดูสัญญาณการปรับลดดอกเบี้ยในปี 2568 หากดอกเบี้ยยังปรับลดลงจะหนุนราคาทองคำได้ แต่หากผลเป็นตรงกันข้ามก็อาจกดดันราคาทองคำให้ปรับลงได้ 

นอกจากนี้ ความตรึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ทียังไม่ชัดเจนในหลายประเทศ อาทิ รัสเซีย-ยูเครน รวมทั้งในตะวันออกกลาง ก็ยังเป็นอีกปัจจัย ที่จะช่วยให้ความต้องการถือทองคำหรือดีมานด์ทองเพิ่มขึ้น ซึ่งหนุนทิศทางราคาทองคำด้วยเช่นกัน  

ทั้งนี้ YLG คาดการณ์กรอบราคาทองคำในระยะสั้นๆ 1-2 สัปดาห์นี้ว่า มีแนวต้านที่ระดับ 2,704 ดอลลาร์/ออนซ์ และแนวต้านถัดไปที่ 2,725 ดอลลาร์/ออนซ์ ส่วนแนวรับมองที่ระดับ 2,675 ดอลลาร์/ออนซ์ และแนวรับถัดไปที่ 2,657 ดอลลาร์/ออนซ์ ทั้งนี้ หากทองคำยังไม่หลุดแนวรับสำคัญที่ 2,657 ดอลลาร์/ออนซ์ ทิศทางยังน่าจะไซด์วย์ปนับขึ้นได้ ขณะที่กรอบทองไทย Golg 96.5% คาดแนวต้านที่ระดับ 43,550 บาท/บาททองคำ และแนวต้านถัดไปที่ 43,900 บาท/บาททองคำ ส่วนแนวรับมองที่ระดับ 43,100 บาท/บาททองคำ และแนวรับถัดไปที่ 42,800 บาท/บาททองคำ

 

สำหรับกลยุทธ์การลงทุนทองคำในจังหวะนี้ YLG แนะนำให้หาโอกาสสะสมตามกรอบ ถ้าลงไมหลุด 2,657 ดอลลาร์/ออนซ์ ก็ให้สะสมทองคำไว้ลงทุนระยะสั้นได้ และหากปรับขึ้นใกล้ระดับแนวต้าน 2,725 ดอลลาร์/ออนซ์ ก็แบ่งขายทำกำไร ทั้งนี้ สำหรับทิศทางทองคำในระยะยาวปีนี้ยังมีโอกาสปิดปีนี้ที่ระดับ 2,790 ดอลลาร์/ออนซ์ได้