ส่องโอกาสลงทุนตลาดหุ้นเวียดนาม ก่อนขึ้นเป็นตลาดเกิดใหม่ปี 68
จิตตะ เวลธ์ แนะให้ทยอยลงทุนในตลาดหุ้นเวียดนามในสัดสวนร้อยละ 5-10 เพื่อโอกาสเติบโตในระยะยาว ตามแนวโน้มเศรษฐกิจที่เติบโตสูง แม้ระยะสั้นอาจถูกระทบจากมาตรการขึ้นภาษีสินค้าส่งออกไปสหรัฐ แต่คาดกระทบจำกัด
นายประภัศร์พงษ์ นันทกิจพัฒนา ผู้จัดการกองทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนจิตตะ เวลธ์ จำกัด เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นเวียดนามถือเป็นตลาดที่น่าสนใจ เพราะผลตอบแทนอยูระดับร้อยละ 10 -ขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐต้นปีถึงปัจจุบัน (YTD) อยู่ที่ประมาณร้อยละ 25 ขณะที่ตลาดหุ้นจีนแม้จะรับรู้ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ไปแล้ว ก็มีผลตอบแทนที่ร้อยละ 12 ภาวะเช่นนี้จึงมองว่าตลาดหุ้นเวียดนามมีความน่าสนใจ เนื่องจากตลาดยัง Underperform อยู่ และการคำนวนหามูลค่าหุ้น (Valuation) ยังต่ำกว่าเฉลี่ยย้อนหลัง 10 ปี
แต่ตลาดหุ้นเวียดนามยังมีปัจจัยระยะยาวที่จะเอื้อให้เติบโตไปได้อีก จากภาพเศรษฐกิจที่ยังมีปัจจัยขับเคลื่อนให้เติบโตหนุนให้บริษัทจดทะเบียนสามารถสร้างกำไรได้ในระยะยาว โดยอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP) ในไตรมาส 3 ปี 2567 เติบโตที่ร้อยละ 7.4 เป็นการเติบโตสูงที่สุดในรอบ 2 ปี และเป็นการเติบโตสูงที่สุดในอาเซียน นอกจากนี้รัฐบาลวียดยามยังมองแนวโน้ม GDP ในไตรมาส 4 อยู่ในทิศทางที่ดีจากดอกเบี้ยที่จะลดลง การส่งออกที่จะเติบโต เอื้อให้ GDP ในไตรมาส 4 โตได้ระดับร้อยละ 7.6-8.0 ทำให้ GDP ปี 2567 ทั้งปีโตสูงที่ระดับร้อยละ 7 สูงกว่าเป้าหมายทีรัฐบาลตั้งไว้
นอกจากนี้ รัฐบาลยังได้ผ่านกฎหมายยกลิกการวางเงินเต็มจำนวนก่อนจะซื้อขายหลักทรัพย์ของนักลงทุนต่างชาติ (prefunding) ซึ่งมีผลบังคบใช้เมื่อ 2 พ.ย. 2567 ที่ผ่านมา และตลาดหุ้นเวียดนามยังมีแผนจะยกระดับเป็นตลาดเกิดใหม่ในปี 2568
ส่วนนโยบายของ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐที่มีแผนจะเก็บภาษสินค้าทั่วโลกเพิ่มประมาณร้อยละ 10-20 นั้น เวียดนามคงกระทบโดยตรงจากแนวนโยบายเหล่านี้ เนื่องจากเป็นประเทศส่งออก กดดันเศรษฐกิจเวียดนาม เพราะสหรัฐก็เป็นตลาดส่งออกหลักของเวียดนาม มีสัดส่วนราวร้อยละ 27 ดังนั้น จึงมองว่าในระยะสั้นความผันผวนจะพิ่มขึ้นจากความกังวลภาวะการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกและเซนติเมนต์เชิงลบต่อสงครามการค้า (เทรดวอร์) แต่ถ้ามาดูบริษัทจดทะเบียนที่ส่งออกกลับพบว่ามีสัดส่วนที่ไมมีนัยสำคัญเท่านัก โดยมีน้ำหนักน้อยกว่าร้อยละ 5 ในดัชนี ตลาดหุ้นเวียดนาม
จึงมองว่าตลาดหุ้นเวียดนามจะมีผลกระทบที่จำกัดในระยะสั้น และในระยะยาวทรัมป์อาจเลือกใช้นโยบายภาษีในบางประเทศและสินค้าบางประเทศ ซึ่่งน่าจะถูกก็บภาษีน้อยกว่าจีน เวียดนามจึงอาจได้ประโยชน์และเป็นฐานการผลิตทางเลือก เพราะมีแรงงานคุณภาพสูงและค่าไฟฟ้าต่ำ มีนโยบายสนับสนุนจากภาครัฐ จึงมีแนวโน้มที่ต่างชาติจะย้ายฐานการผลิตมามากขึ้น และตลาดหุ้นเวียดนามมักตอบสนองชิงบวกต่อการเลือกตั้งของสหรัฐ โดยการเลือกตั้งที่ผานมา 6 ครั้งพบว่าใน 5 ครั้งตอบสนองเชิงบวกใน 5-6 เดือนหลังเลือกตั้ง จึงแนะนำให้ทยอยสะสมหุ้นเวียดนาม
สำหรับกลยุทธ์การลงทุนในเวียดนามแม้จะถูกกดันจากเทรดวอร์ แต่ตลาดหุ้นหุ้นวียดนามก็มีศักยภาพเพียงพอที่จะเติบโตอย่างโดดเด่นได้ในระยะยาว จึงแนะนำให้แบ่งพอร์ตรอง( Satellite Port) ในสัดส่วนราวร้อยละ 5-10 ลงทุนในตลาดหุ้นเวียดนาม จาก Valuation ปัจจุบันสามารถเข้าลงทุนได้ลย และสามารถ DCA Dollar-Cost- Averaging (DCA) หรือ การลงทุนโดยถัวเฉลี่ยต้นทุนอย่างสม่ำเสมอ จนถึงเป้าหมายที่วางไว้ได้เลย
ข่าวแนะนำ