ตลาดหุ้นสหรัฐย่อแรงสัญญาณน่ากังวล? จังหวะเก็บหรือถอย
บลจ.เอ็กซ์สปริง มองตลาดหุ้นสหรัฐยังมีทิศทางทีดีและน่าสนใจลงทุน แม้จะเห็นดัชนีตลาดหุ้นปรับฐานลงมาบ้าง จากการขายทำกำไรของนักลงทุนรายย่อยและนักลงทุนสถาบัน ส่วนใครมีหุ้นจีนแนะควรปรับพอร์ต เพราะตลาดอาจไม่ฟื้นในระยะสั้น
นายยศกร ฟอลเล็ต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็กซ์สปริง จำกัด เปิดเผยว่า ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาตลาดหุ้นสหรัฐแรลลี่อัพขึ้นมาระดับหนึ่งแล้วในดัชนีตลาดหลัก ทั้ง ดัชนี S&P 500 , ดัชนี Nasdaq รวมไปถึงหุ้นขาดกลางและขาดล็กอย่างดัชนี Russell 2000 ซึ่งหากดูผลตอบแทนก็ปรับขึ้นมาไมน้อยเช่นกัน และในช่วงที่ตลาดปรับฐานย่อลงมาในช่วงสั้นๆ มองว่าเป็นการขายทำกำไรในระยะสั้น ของทั้งนักลงทุนรายย่อยและนักลงทุนสถาบัน หลังตลาดขึ้นมาแตะระดับคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ จึงเห็นการแบ่งขายทำกำไรออกมาบางส่วน
อย่างไรก็ดี มองไปข้างหน้าในไตรมาสแรกปีหน้า บลจ.เอ็กซ์สปริง ยังมองบวกต่อตลาดหุ้นสหรัฐค่อนข้างมาก แม้ P/E หรือ อัตราส่วนราคาตลาดต่อกำไรสุทธิจะสูงแล้ว แต่ภาพเศรษฐกิจที่น่าจะมีการกระตุ้นต่อน่าจะยังหนุนกำไรทำให้ราคากลับมาอยู่ในระดับที่น่าสนใจได้ ส่วนจะมองบวกกับหุ้นกลุ่มไหนบ้าง อาจต้องรอรายละเอียดการแถลงนโยบายของนาย โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐในช่วงวันที่ 20 ม.ค.ปีหน้า
ทั้งนี้ ถ้าดูนโยบายการ America First หรือ การให้ความสำคัญกับอเมริกาเป็นอันดับแรก ทั้งการจะปรับขึ้นภาษีจากประเทศต่างๆ รวมทั้งจีนและตลาดหุ้น Emerging Market (ประเทศตลาดกิดใหม่) อย่างการส่งเสริมการขุดเจาะน้ำมัน แต่การที่มีรายงานข่าวทรัมป์โทรพูดคุยกับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย น่าจะเป็นสัญญาณที่ดีของประเด็นความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ ที่น่าจะช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้น ส่งผลดีต่อตลาดหุ้น
ส่วนผลกระทบต่อภาพเศรษฐกิจจีนจากแนวโน้มที่ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่า ก็หนุนให้สกุลเงินอืนและเงินหยวนของจีนก็ปรับอ่อนค่าลง ขณะที่จีนยังมีมาตรการกระตุ้นที่ยังไม่ตรงจุดกับที่ตลาดคาดหวังให้ฟื้นศรษฐกิจ สำหรับคนที่มีหุ้นจีนจากการปรับตัวขึ้นมาบ้างของหุ้นจีนก่อนหน้านี้อาจจะมีการปรับพอร์ตแบ่งขายบางส่วนออกมาก่อน จากทิศทางตลาดหุ้นจีนทั้งระยะสั้นและยาวอาจจะยังไม่ได้ฟื้นตัวขึ้นมาได้ดีนัก และกระจายเงินบางส่วนไปตลาดสหรัฐ อังกฤษ หรือแคนาดาที่สร้างผลตอบแทนได้ดี ส่วนใน Emerging Market มองว่าเวียดนามและอินดียยังน่าสนใจ โดยการจัดพอร์ตยังแนะนำร้อยละ 50 ถือลงทุนในหุ้น ,ร้อยละ 20 ลงทุนในตราสารหนี้ที่ผลตอบแทนยังดี ,อีกร้อยละ 20 แนะนำตราสารทางเลือก และอีกร้อยละ 5 ยังแนะนำให้ถือเงินสด
ข่าวแนะนำ