แนะเก็งทองในประเทศรับ "ทรัมป์" รับ 42,000 บาท
บล.ฟินันเซีย ไซรัสมองปี 2568 ทิศทางทองคำจะเป็นขาลงมากกว่าขาขึ้น ทองโลกน่าจะมีจุดสูงสุดที่ 2,800 ดอลลาร์สหรับ/ออนซ์ ส่วนภาพที่ดอลลาร์แข็งแต่บาทอ่อน ทองคำในประเทศมีโอกาสปรับขึ้นได้มากกว่า แนะเก็บที่ระดับ 42,000 บาท รอทำกำไรแถวๆ 44,000 บาท
นายจิติพล พฤกษาเมธานันท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ หัวหน้าส่วนงานกลยุทธ์การลงทุนต่างประเทศ บล.ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การประเมินทิศทางทองคำในตลาดโลก หลังชัยชนะของ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐคาดจะไม่ดีเหมือนเดิม หลัง Bond Yield หรืออัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐปรับขึ้น ซึ่่งภาพรวม Bond Yield ทั่วโลกปรับตัวขึ้น และกดดันราคาทองคำ
รวมถึงดอลลาร์สหรับที่มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น พร้อมๆ กับ Bond Yield ,หุ้นสหรัฐ และบิทคอยน์ที่ปรับสูงขึ้น ทำให้สินทรัพย์ทองคำมีความน่าสนใจน้อยลง บวกกับหลังชัยชนะของทรัมป์ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ ทั้งในฝั่งตะวันออกกลางและรัสเซีย-ยูเครน ดูเหมือนทุกฝ่ายจะมองหาแนวร่วมการเจรจาเพื่อหาจุดจบ ทำให้ราคาทองคำในตลาดโลกชวงนี้ถูกกดดันจากหลายปัจจัย
สำหรับกลยุทธ์ในภาพรวมมองว่ามีประเด็นน่าสนใจเพื่อการลงทุน ดังนี้ 1) เศรษฐกิจและการลงทุนสหรัฐฯ แข็งแกร่งในระหว่างนี้ก่อนที่ทรัมป์จะขึ้นรับตำแหน่งอย่างเป็นทางการในเดือนม.ค.ปีหน้า ทำให้โอกาสที่ตลาดจะปิดรับความเสี่ยง (Risk off) มีโอกาสเกิดขึ้นได้ค่อนข้างยาก จึงกดดันราคาทองคำ ซึ่งราคาทองคำโลกจะยังสามารถรอเก็บได้ หากทองปรับฐานลงมา
2) ภาพรวมบิทคอยน์และคริปโทเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) ที่ปรับขึ้นได้ดีในระยะนี้ ทำให้แย่งความสนใจในของนักลงทุนจากสินทรัพย์ทางเลือก เช่น ทองคำ ไปคอนข้างมาก ภาพความน่าสนใจของทองคำก็จะน้อยกว่าบิทตคอยน์ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะมีความชัดเจนในนโยบายของทรัมป์ ว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป
3) ภาพรวมการมาของทรัมป์ทำให้ดอลลาร์แข็งค่า สงผลให้เงินบาทจะอ่อนค่าลง ดังนั้น ทองคำในประเทศในรูเงินบาทมีโอกาสปรับตัวลงในทิศทางที่น้อยกว่าทองคำในตลาดโลกที่เป็นดอลลาร์สหรัฐ ถ้าตลาด Risk off ราคทองคำที่เป็นเงินบาทจึงมีโอกาสฟื้นได้มากกว่า
ส่วนคาดการณ์ราคาทองคำในประเทษ มองกรอบแนวรับที่ 42,000 บาทต่อบาททองคำ ที่น่าจะลงไปอยู่ในะดับเท่ากับเดือนม.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งน่าจะเป็นแนวรับที่ดี ส่วนแนวต้าน น่าจะชัดเจนว่าอยู่ระดับไม่เกิน 44,000 บาทต่อบาททองคำ ดังนั้น ถ้าขึ้นมาแถวนี้ก็สามารถขายทำกำไรและไปรอซื้อที่ระดับแนวรับได้
ขณะที่ราคาทองคำในตลาดโลกแนวต้านที่ระดับ 2,800 ดอลลาร์สหรับ/ออนซ์ น่าจะเป็นระดับสูงสุดในรอบนี้แล้ว เพราะนโยบายทรัมป์ที่จะสนับสนุนทองคำน่าจะน้อยมากๆ เนื่องจากระดับหนี้สหรัฐสูง โอกาสหนุนทองจึงน้อย อาจเห็นระดับ 2,600 ดอลลาร์สหรับ/ออนซ์ การหลุดมาในปัจจุบันแถวๆ 2,700 ดอลลาร์สหรับ/ออนซ์ คาดว่าพึ่งถึงครึ่งทางของขาลง โอกาสจะเด้งระยะสั้นคงจะมี แต่มองระยะกลางถึงยาวก่อนที่ทรัมป์จะรับตำแหน่งแนวโน้มยังเป็นขาลงมากกว่าขาขึ้น
อย่างไรก็ดี หากมองถึงโอกาสการลงทุนในปัจจุบัน สินทรัพย์ที่จะเป็นพระเอก จากแนวทางที่ทรัมป์จะกระตุ้นเศรษฐกิจ น่าจะช่วยให้หุ้นกระจายตัวขึ้รโดยในส่วนของ 493 ตัว ที่ไมใช่หุ้น “Magnificent 7” หรือ หุ้น 7 บริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ มีโอกาสจะปรับขึ้นได้บ้าง ส่วนตราสารหนี้อาจมีโอกาสถูกขาย ก่อนที่ Yield หรือผลตอบแทนจะปรับตัวขึ้นต่อ
ขณะที่สินทรัพย์ทางลือกภาพหลักที่นักลงทุนไทยน่าจะให้ความสนใจ คือ ทองคำ อสังหาริมทรัพย์ และบิทคอยน์ คาดว่าการเติบโตของ 3 สินทรัพย์นี้จะมีความใกล้คียงกันมากขึ้น ซึ่งอสังหาฯ ภาพดูดีขึ้น จาก Bond Yield ที่จะปรับลดลง จากการผ่อนคลายนโยบายการเงิน ทำให้เศรษฐกิจขยายตัวดี โอกาสที่อสังหาฯจะปรับตัวดีมีมากขึ้น ส่วนทองคำในปีนี้ดีมาก มองทิศทางในปี 2568 อาจจะไม่สูงมากแล้ว อาจจะขึ้นได้ที่ประมาณร้อยละ 7-10 ค่อยๆ การลงทุนจึงควรทยอยปรับสัดส่วนลงมา ด้านบิทคอยน์คงไม่คอยมีใครลงทุนยาวมากนัก แต่ระยะสั้นๆ นี้มีโอกาสเติบโตสูงเป็นสินทรัพย์ที่ผลตอบแทนดี อาจเพิ่มสัดส่วนจากร้อยละ 1 เป็นร้อยละ 2-5 ได้ ในช่วงที่ก่อนจะรู้ว่าทรัมป์จะทำนโยบายอะไรออกมา
ข่าวแนะนำ