TNN จุดวัดใจทิศทางทองโลก ถ้ายืน 2,715 ดอลลาร์ได้ก็ไปต่อ

TNN

รายการ TNN

จุดวัดใจทิศทางทองโลก ถ้ายืน 2,715 ดอลลาร์ได้ก็ไปต่อ

บริษัท ออสสิริสประเมินทองยังเป็นขาขึ้นถ้ามารถยืนเหนือระดับ 2,715 ดอลลาร์/ออนซ์ได้ มีโอกาสปรับขึ้นได้เรื่อยๆ แต่ในทางตรงกันข้ามหากพักฐานลงมาที่ระดับ 2,607 ดอลลาร์/ออนซ์ ลงไปจะเปลี่ยนเป็นขาลง แต่ทองลงสะสมรับแนวโน้มระยะยาวขึ้นได้

นายพีระพงศ์ วิริยะนุเคราะห์  นักวิเคราะห์การลงทุนอาวุโส บริษัท ออสสิริส จำกัด เปิดเผยว่า หลังนายโดนัลด์ ทรัมป์ ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ และคณะกรรมการนโยบายการเงิน (FOMC) มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ลดดอกเบี้ยลงร้อยละ 0.25 ลงสู่ระดับร้อยละ 4.5-4.75 ในรอบการประชุมล่าสุดวันที่ 6-7 พ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยติดต่อกันเป็นครั้งที่ 2 ในปีนี้ โดยแนวโน้มราคาทองคำในภาพรวมในช่วงนี้ย่อลงมาต่ำสุดที่ 2,643 ดอลลาร์/ออนซ์  แต่ทองยังไมใช่ Wave ของขาลงในภาพใหญ่ ซึ่งหากจะเป็นขาลงต้องหลุดแนวรับใหญ่ที่ระดับ 2,607 ดอลลาร์/ออนซ์ ลงไป


และหลังธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ลดดอกเบี้ยรอบนี้ราคาทองโลกได้รีบาวด์กลับขึ้นมาได้ ทำให้ยังมองทิศทางราคาทองโลกยังเป็นขาขึ้นในระยะยาว อย่างไรก็ดี การรีบาวด์ช่วงนี้ยังไมคิดว่าจะเป็นการฟื้นตัวแรงเพื่อทำสถิติใหม่ได้ แต่น่าจะแกว่งในกรอบขาขึ้นได้อยู่ หากราคาสามารถทะลุขึ้นไปยืนเหนือระดับ 2,715 ดอลลาร์/ออนซ์ได้ ในทางตรงกันข้ามหากราคาก็ไม่ควรหลุดมาที่ระดับ  2,607  ดอลลาร์/ออนซ์ เพราะจะบ่งชี้ทิศทางขาลง และมีโอกาสปรับลึกลงไปได้อีก 


ภาพปัจจุบันทองคำในตลาดโลกยังมีปัจจัยหนุนจากแนวโน้มดอกเบี้ยขาลงที่ยังจะทยอยลงได้ของเฟด แนวโน้มเศรษฐกิจที่ชะลอตัวหลังดอกเบี้ยขาลง ซึ่งอาจสร้างความกังวลภาวเศรษฐกิจถดถอย ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ในตะวันออกกลางที่น่าจะยังดำเนินอยู่ต่อไปจนกว่าจะชัดเจนหลังทรัมป์รับตำแหน่งอย่างเป็นทางการในช่วงเดือนม.ค.ปี 2568 

 

ทั้งนี้ ราคาทองโลกรีบาวน์ทะยานปิดบวกเหนือ 2,707 หลังจากปิดร่วงลงอย่างหนักในวันพุธซึ่งเป็นจุดต่ำสุดในรอบ 3 สัปดาห์ ขณะที่ราคาทองคำแท่งในประเทศปรับตัวขึ้นไม่มาก หลังเผชิญค่าเงินบาทที่แข็งค่ากดดัน โดยราคาทองเปิดตลาดวันนี้ (8 พ.ย.) เพียง 43,450 บาท/บาททองคำ ขานรับเฟดมีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นลงอีกร้อยละ 0.25 เป็นไปตามที่คาด สอดคล้องกับคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) ของเจ้าหน้าที่เฟด ซึ่งส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0.50 ภายในสิ้นปีนี้ 


นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่เฟดส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 1.00 ในปี 2568 และลดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0.50 ในปี 2569 โดยรวมแล้ว Dot Plot บ่งชี้ว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีกร้อยละ 2.00 หลังการปรับลดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0.50 ในการประชุมวันที่ 18 ก.ย.ทำให้ปัจจัยดังกล่าวนี้เป็นแรงหนุนต่อทองคำระยะยาว 


บริษัท ออสสิริส คาดการณ์ว่าระยะยาวราคาทองคำจะยังคงทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ต่อเนื่องไปจนถึงปี 2568 จากการที่กระแสเงินทุนจำนวนมากที่ไหลเข้าสู่กองทุน ETF ทองคำท่ามกลางความไม่แน่นอนอย่างมากด้านเศรษฐกิจในสหรัฐฯ และยุโรป อีกทั้งสงครามทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังสร้างความตึงเครียดในภูมิภาคต่างๆ รวมทั้งแรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางทั่วโลกจะเดินหน้าปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีก ทำให้ราคาทองโลกมีโอกาสแตะ 2,800 - 3,000 ดอลลาร์/ออนซ์ในระยะ 6-12 เดือนข้างหน้า


ทั้งนี้ การลดดอกเบี้ยโดยเฟดมักส่งผลบวกต่อราคาทองคำ โดยมีเหตุผลหลักๆ  คือ ต้นทุนค่าเสียโอกาสที่ลดลง เมื่ออัตราดอกเบี้ยลดลง ผลตอบแทนจากการถือครองสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดดอกเบี้ย เช่น เงินฝากหรือพันธบัตร จะลดลง ทำให้ทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ไม่ได้ให้ผลตอบแทนเป็นดอกเบี้ย กลายเป็นทางเลือกที่น่าสนใจมากขึ้นสำหรับนักลงทุน 


ส่วนค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงนั้น การลดดอกเบี้ยโดยเฟดมักทำให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง เนื่องจากนักลงทุนจะแสวงหาผลตอบแทนที่สูงกว่าในสกุลเงินอื่น ทองคำซึ่งซื้อขายเป็นดอลลาร์สหรัฐ จะมีราคาถูกลงสำหรับผู้ถือครองสกุลเงินอื่น ส่งผลให้ความต้องการทองคำเพิ่มขึ้นและราคาทองคำสูงขึ้น 


ด้านความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจ จากการลดดอกเบี้ยโดยเฟดมักเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจกำลังชะลอตัวหรือมีความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะถดถอย ในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจมีความไม่แน่นอน นักลงทุนมักจะหันไปลงทุนในทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย เพื่อป้องกันความเสี่ยงและรักษามูลค่าของเงินลงทุน  


อย่างไรก็ตาม ความสัมพันธ์ระหว่างการลดดอกเบี้ยของเฟดและราคาทองคำ ไม่ใช่กฎตายตัว และอาจมีปัจจัยอื่นๆ ที่มีอิทธิพลต่อราคาทองคำด้วย เช่น อัตราเงินเฟ้อ สถานการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ และความเชื่อมั่นของนักลงทุน ดังนั้น การตัดสินใจลงทุนในทองคำควรพิจารณาจากปัจจัยหลายๆ ด้าน  


สรุปยังมองภาพรวมใหญ่ยังสามารถอยู่บนเทรนด์ขาขึ้นได้ต่อ ส่วนภาพรวมระยะสั้นหากเบรก 2,715 ดอลลาร์/ออนซ์จะยืนยันทิศทางขาขึ้นระยะสั้น หากไม่ผ่านอาจมีการปรับตัวลงมาก่อนในภาพของการพักตัว โดยมีแนวรับสำคัญอยู่ที่ 2,685 ดอลลาร์ต่อออนซ์ กลยุทธการลงทุนทองคำช่วงนี้ มองแนวรับ 2,685 -2,670 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และแนวต้าน 2,715 - 2,735 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทั้งนี้ถ้าทองโลกหลุด 2,607 ภาพใหญ่จะพักฐานเป็นโอกาสเก็บสะสม ส่วนทองในประเทศสะสมได้ถ้าลงมาระดับ 43,000 -42,000 บาท/บาททองคำ 


ข่าวแนะนำ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง