TU อวดกำไรไตรมาส 3 ปีนี้ที่ 1,400 ล้าน ยอดขายสหรัฐฯ ดี
"ไทยยูเนี่ยน" ประกาศผลงานในไตรมาส 3 ปีนี้โกยกำไรสุทธิทะลุ 1.4 พันล้านบาท จากยอดขายที่เติบโตกว่า 3 หมื่นล้านบาท ในตลาดหลักอย่างตะวันออกกลาง สหรัฐอเมริกา และแคนาดา โบรกฯ คาดไตรมาส 4 ยังดีต่อเนื่อง
บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TU รายงานผลประกอบการไตรมาส 3 ประจำปี 2567 ด้วยอัตรากำไรสุทธิที่ 1,400 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.4 เมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ปีที่แล้ว ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นแตะระดับสูงสุดที่ ร้อยละ 19.5 จากความต้องการซื้อที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และต้นทุนวัตถุดิบที่ลดลง ส่งผลให้อัตรากำไรต่อหุ้นปรับตัวแข็งแกร่งถึงร้อยละ 8.1 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน คิดเป็น 0.30 บาทต่อหุ้น
สะท้อนให้เห็นถึงประสิทธิภาพในการดำเนินงานที่ดีขึ้นใน 3 ธุรกิจหลัก คือ กลุ่มธุรกิจอาหารกระป๋อง กลุ่มธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง และกลุ่มธุรกิจสินค้าเพิ่มมูลค่าและอื่น ๆ โดยมียอดขายอยู่ที่ 34,840 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.7 ทั้งนี้ ยอดขายในกลุ่มสินค้าอาหารทะเลแปรรูป อยู่ที่ 17,920 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 13.1 ได้รับแรงหนุนจากความต้องการซื้อที่เพิ่มขึ้นในตะวันออกกลาง สหรัฐอเมริกา และแคนาดา ซึ่ง 3 ประเทศหลักๆ นี้มีสัดส่วนร้อยละ 38.3 ของรายได้รวมทั้งหมด //รองลงมาเป็น ยุโรปร้อยละ 29.3 //ประเทศไทยร้อยละ 11.5// และอื่น ๆ อีกร้อยละ 20.9
นอกจากนี้ ในวันที่ 11 พฤศจิกายนปีนี้ ไทยยูเนี่ยนจะแถลงข่าวเปิดตัวกลยุทธ์เพื่อมุ่งสู่ปี 2573 เพื่อมุ่งเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจหลัก สร้างคลื่นลูกใหม่ของการเติบโต พร้อมเปิดน่านน้ำใหม่สู่ความสำเร็จในอนาคต ผ่านสองโปรเจกต์ ได้แก่ โปรเจกต์ Sonar ที่มุ่งวางรากฐานให้แข็งแกร่ง และโปรเจกต์ Tailwind ที่มุ่งเร่งการเติบโตในธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง โดยทั้งสองโปรเจกต์จะเป็นตัวขับเคลื่อนการเติบโตในอนาคตให้กับบริษัท
คุณธีรพงศ์ จันศิริ ประธานเจ้าหน้าที่ บมจ. ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป หรือ TU กล่าว่า การเติบโตอย่างแข็งแกร่งของทั้ง 3 กลุ่มธุรกิจ นำไปสู่ผลการดำเนินงานที่ดีในไตรมาสที่ผ่านมา และเรายังคงมุ่งเน้นการเติบโตอย่างยั่งยืนด้วยกลยุทธ์เพื่อมุ่งสู่ปี 2573 หรือ Strategy 2030 ตามเป้าหมายระยะยาว เดินหน้าสร้างมูลค่าและก้าวสู่การเป็นผู้นำของโลกในอุุตสาหกรรมอาหารและโภชนาการเพื่อสุุขภาพจากท้องทะเล ที่จะสร้างความสำเร็จอย่างยั่งยืน ผ่านการขับเคลื่อนนวัตกรรมและสร้างมูลค่าเพิ่ม นับเป็นกุญแจสำคัญในการกำหนดอนาคตของอุตสาหกรรมและยกระดับขีดความสามารถทางการแข่งขัน
หลักทรัพย์ ทรีนีตี้ ระบุในบทวิคราะห์ว่า TI มีกําไรไตรมาส 3/67 อยู่ที 1,400 ล้านบาท ดีขึ้้นร้อยละ 15 เทียบไตรมาสก่อน (QoQ) และ ร้อยละ 16 เทียบปีก่อน (YoY) ดีกว่าคาดราวร้อยละ 9 โดยรายได้รวมอ่อนตัวลงเล็กน้อย แม้ว่าปริมาณขายจะเพิ่มขี้น โดยเฉพาะยอดขายอาหารทะเลแปรรูปเพิ่มขึ้นค่อนข้างมาก แต่ได้รับผลกระทบจากค่าเงินบาท
ส่วนอัตรากําไรขั้นต้นปรับตัวดีขึ้นค่อนข้างมาก โดยหลักๆ มาจากอาหารสัตว์เลี้ยงที่มีการขายสินค้าพรีเมียมมากขึ้น บวกกับต้นทุนลดลง
สำหรับแนวโน้มไตรมาส 4 ปีนี้คาดว่ากําไรอ่อนตัวเล็กน้อยเทียบ QoQ แต่ยังเป็นระดับที่ค่อนข้างสูง แม้เป็น Low Season แต่ธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงยังเติบโตดีต่อเนื่อง บวกกับอาจเห็นการฟื้นตัวของธุรกิจอาหารทะเลแช่แข็งได้บ้าง
จึงคงราคาเป้าหมายที่ 18.4 บาท Upside ยังน่าสนใจ จึงคงคําแนะนําซื้อ
ข่าวแนะนำ