ชี้ "ทรัมป์" ชนะ ตลาดประเทศกลุ่มเอเชียยังได้ประโยชน์ ลงทุน?
บลจ.ทิสโก้ ประเมินตลาดหุ้นสหรัฐ และเอเชียบางตลาด ยกเว้นจีน จะได้ประโยชน์จากการชนะเลือกตั้งสหรัฐของทรัมป์ เน้นหุ้นคุณภาพอิงเทคโนโลยี AI พร้อมเตือนราคาทองพักฐานลงระยะสั้นเหมือนเมื่อปี 2016 ที่ราคาปรับลงถึงร้อยละ 10 ในระยะเวลาเพียง 1 เดือน
นายกันติพัฒน์ วงศ์สุคนธ์ Head of Wealth Advisory บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่า จากผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐที่ล่าสุด นายโดนัลด์ ทรัมป์ น่าจะชนะการเลือกตั้ง พร้อมกับพรรครีพับลิกันคุมเสียงในสภาครองเกรส (Red Sweep) ซึ่งอาจเป็นไปได้สูง คาดจะทำให้หุ้นสหรัฐยังคงได้ประโยชน์สูงที่สุด และหุ้นสหรัฐจะมีการกรจายการปรับขึ้นไปในกลุ่มต่างๆ มากขึ้น
และแต่นอกจากตลาดหุ้นสหรัฐฯแล้ว บลจ.ทิสโก้ ยังมีมุมมองที่ดีต่อกลุ่มประเทศเอเชีย เพราะเชื่อว่าจะไม่ได้แย่ไปเสียหมด อย่างตลาดเวียดนามในวันนี้ (6 พ.ย.) ที่ดัชนีตลาดหุ้นปรับบวกขึ้นมาได้ อาจเป็นเพราะตลาดคาดจะเห็นการกระจายโรงงานออกจากจีนมาที่เวียดนามหรืออินเดียหลังทรัมป์มา ซึ่งภาพเช่นนี้ก็ยังชอบการลงทุนในตลาดหุ้นเอเชีย จากหลายปัจจัยในภาพระยาว แม้จะได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนบ้าง
เริ่มที่กลุ่มประเทศเศรษฐกิจของตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market : EM ) และ เอเชีย ( Asia ) ที่ถือว่ามีความแข็งแกร่ง จากปัจจัยเช่น ดุลบัญชีเดินสะพัดต่อจีดีพี (Current Account balace to GDP) สูง, หนี้ระยะสั้นต่อ GDP (Short term debt / GDP) ต่ำ, หนี้สาธารณะที่เป็นการกู้จากต่างประเทศ (Public Debt (Foreign)) ต่ำ , เงินทุนสำรองระหว่างประเทศ (Reserve Coverage) สูง
และด้วยที่ public debt ไม่สูงเกินไป ประเทศกลุ่มเอเชีย จึงมีโอกาสที่จะใช้นโยบายการคลังเพิ่มขึ้น เพื่อลดผลกระทบจากภาคส่งออกจากความขัดแย้งได้ รวมถึงอาจจะเห็นการใช้ นโยบายเน้นค่าเงินอ่อนค่า เพื่อลดผลกระทบ ดังเช่นในช่วงปี 2018-2019 หรือสงครามการค้าครั้งที่แล้ว ขณะที่มีหลายประเทศ กลับมีโอกาสได้ประโยชน์จากกระจายการผลิต (trade diversification) ออกจากจีน เช่น อินเดีย, เวียดนาม และ ไทย
นอกจากนี้ เอเชียยังสามารถผ่อนคลายเกณฑ์การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) มากขึ้น เพื่อดึงผู้ประกอบการจากจีนที่เป็นเป้าหมายหลักของสหรัฐฯ , มาตากรจูงใจทางภาษี (tax incentive), การลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน (infrastructure investment) เป็นต้น
สำหรับตลาดหุ้นจีนอาจต้องรอสักระยะ เนื่องจากจะได้รับผลกระทบโดยตรง คงจะต้องรอดูผลการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (NPC) ในช่วงนี้หรือระหว่างวันที่ 4 -8 พ.ย. 2567 โดยนักลงทุนต้องติดตามว่าจะมีนโยบายออกมาเพิ่มเติมหรือไม่หลังรู้ผลการเลือกตั้งของสหรัฐแล้ว เบื้องต้นคาดว่าน่าจะมีมาตรการกระตุ้นเพิ่มเติม เพราะว่าทางการจีน ได้เลื่อนการประชุมออกมาให้ตรงกับช่วงเลือกตั้งสหรัฐฯ แล้ว
สำหรับกลยุทธ์การลงทุนและการจัดพอร์ตช่วงนี้ จากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (Bond Yield) ที่ปรับขึ้นมาใกล้ระดับร้อยละ 4 การลงทุนเพื่อล็อคกำไรน่าจะเป็นอีกทางเลือกที่ไม่น่ามองข้าม เน้นตลาดพันธบัตรที่มีคุณภาพสูง ยังลงทุนได้ ส่วนตลาดหุ้นในฝั่งสหรัฐชอบหุ้นคุณภาพ ในหุ้นกลางและเล็ก ที่ได้ประโยชน์ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence : AI) ในตลาด Nasdaq ที่น่าจะได้ประโยชน์เต็มๆ จากผลการเลือกตั้ง
นอกจากนั้น อาจลงทุนในหุ้นกลุ่มเอเชีย ที่อาจจะไม่รวมจีน เพราะจีนอาจจะต้องรอก่อน ในเรื่องของนโยบายสหรัฐที่จะกระทยและรอดูนโยบายการกระตุ้นของจีนด้วย และอีกตลาดที่ต้องตือน คือ ทองคำ เนื่องจากมีสถิติในอดีตที่น่าสนใจ คือ ในปี 2016 ที่รอบที่แล้วทรัมป์ชนะ ซึ่งปีนั้นจะเห็นทองปรับลงแรงถึงร้อยละ 10 ในระยะเพียง 1 เดือน ดังนั้น นักลงทุนที่ลงทุนในทองคำอาจต้องระมัดระวังเหมือนกันในรอบนี้ เพราะที่ผ่านมาทองคำปรับขึ้นค่อนข้างเร็ว อาจต้องระวังราคาทองคำพักฐานระยะสั้น
ข่าวแนะนำ