แบ่งลงทุนจีน -ทอง - บิทคอยน์ บริหารความเสี่ยงรับเลือกตั้งสหรัฐฯ
KTAM แนะบริหารสินทรัพย์ตั้งรับความเสี่ยงในในตลาดหุ้นจีน เนื่องจากทิศทางดอกเบี้ยยังน่าจะลดลงหนุนสภาพคล่องในตลาด เป็นแรงหนุนให้ตลาดหุ้นจีน รวมทั้งทองคำและบิทคอยน์ มีโอกาสปรับขึ้นได้ต่อในระยะยาว
นายณัฏฐะ มหัทธนา, CFA ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTAM เปิดเผยว่า ยังให้น้ำหนักกับการลงทุนในสินทรัพย์ตลาดหุ้นจีน ที่คาดจะเห็นมาตรการกระตุ้นเพิ่มเติม รวมถึงสินทรัพย์ทองคำ บิทคอยน์ โดยไม่ต้องรอผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐฯ เพียงแต่หาก ทรัมป์ ชนะเลือกตั้งอาจมีความเสี่ยงในการพักฐานของบิทคอยน์ (Bitcoin) ที่ขึ้นไปสูงระดับ 70,000 ดอลลาร์สหรัฐ ที่อาจเห็นการเทขาย อย่างไรก็ตาม ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยังน่าจะอยู่ในทิศทางการปรับลดดอกเบี้ย หนุนสภาพคล่องในระบบเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ Bitcoin พักฐานลง ส่งสัญญาณเตือนว่า หากกมลา แฮร์ริส พลิกชนะเลือกตั้งวันในอังคาร (5 พ.ย.) นี้้้ ตลาดคริปโทก็อาจเผชิญแรงเทขายอย่างมีนัยสำคัญได้ในระยะสั้น เนื่องจากบรรดาเทรดเดอร์มักมอง bitcoin สัมพันธ์กับ โดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งพูดจาสนับสนุนอุตสาหกรรมคริปโทมากกว่า
โดย Bitcoin มีโอกาสขึ้นได้อีกเยอะในระยะยาว (เช่นเดียวกับ ทองคำ ในมุมมองของ KTAM) ด้วยพลังขับเคลื่อนของ “สภาพคล่อง” อันเป็นผลจากนโยบายผ่อนคลายของเฟดและธนาคารกลางหลายแห่ง ซึ่งหันมาสนับสนุนเศรษฐกิจและตลาดแรงงาน (ให้ความสำคัญเหนือกว่าการควบคุมเงินเฟ้อ)
นอกจากนี้ เงื่อนไขทางการเมืองยุคหลังโควิดน่าจะส่งผลให้ หนี้สาธารณะ มีแนวโน้มสูงขึ้นมากในหลายประเทศ จนอาจเป็นอุปสรรคขัดขวางการปรับขึ้นดอกเบี้ยในอนาคต (หากเงินเฟ้อกลับมาสูงขึ้นอีก) เพราะโดยหลักการทั่วไปตามธรรมชาติ ภาวะเงินเฟ้อสูงหรืออีกแง่หนึ่ง คือ อัตราดอกเบี้ยแท้จริงต่ำ ช่วยลดอัตราส่วนหนี้สินต่อจีดีพี เนื่องจากรัฐมักมีโอกาสเก็บภาษีได้มากกว่ารายจ่ายดอกเบี้ย ภายใต้สภาวะดังกล่าว
สำหรับคำแนะนำในการลงทุนแนะนำให้กองทุน KT-BLOCKCHAIN ทีมีความสัมพันธ์กับ bitcoin และตลาดคริปโท เพื่อรับโอกาสเติบโตระยะยาว โดยพยายามบริหารความเสี่ยงระยะสั้นจากการเลือกตั้งสหรัฐ
รวมทั้งกองทุนหุ้นจีน KT-Ashares และ KT-CHINA น่าจะช่วยกระจายหรือชดเชยความเสี่ยง โดยหาก “กมลา” พลิกล็อกชนะเลือกตั้ง บรรดาเทรดเดอร์ก็น่าจะคลายกังวลเรื่องกำแพงภาษี (จากก่อนหน้านี้ ทรัมป์ขู่เก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากประเทศที่ลดการใช้ดอลลาร์ สูงขึ้นเท่าตัว (100%) จึงคาดว่าหุ้นจีน มีโอกาสปรับตัวขึ้นในกรณีดังกล่าว สวนทางการปรับตัวลงของ bitcoin และคริปโท
ขณที่ เศรษฐกิจจีนยังดูดีกว่าคาด อย่างต่อเนื่อง Caixin Services PMI หรือ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการของจีนในเดือนต.ค.อยู่ที่ 52.0 ขยายตัวดีขึ้น จากเดือนก.ย.อยู่ที่ 50.3 และสูงกว่าคาดที่ 50.5 ประกอบกับตัวเลขภาคผลิต ที่มีการรายงานเมื่อวันศุกร์ที่ 1 พ.ย. ที่ผ่านมา พลิกกลับมาขยายตัว ส่งผลให้ Caixin Composite PMI พุ่งแตะระดับ 51.9 จากเดือนก.ย.ที่ระดับ 50.3
ข่าวแนะนำ