เลือกตั้งสหรัฐฯ หนุนทองคำในประเทศเป็นจังหวะขาย
บล.ฟินันเซีย ไซรัสแนะจังหวะทองคำในประเทศขยับขึ้นเป็นโอกาสขายทำกำไรในทุกระดับราคา ส่วนทองคำในตลาดโลกมองหากแตะระดับ 2,700 ดอลลาร์/ออนซ์ ยังน่าสะสม ระยะถัดไปทองคำมีโอกาสแตะ 2,800 ดอลลาร์/ออนซ์
นายจิติพล พฤกษาเมธานันท์ (ดร.โจ๊ก) ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ หัวหน้าส่วนงานกลยุทธ์การลงทุนต่างประเทศ บล.ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ทิศทางราคาทองคำในตลาดโลกในช่วง 1-2 สัปดาห์ข้างหน้า ก่อนเลือกตั้งสหรัฐ ระยะสั้นยังมีแรงต้านจากดอลลาร์ที่แข็งคาขึ้น แต่ในระยะกลางถึงยาวมองใน 2 ปัจจัย คือ ตัวเลขผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน ตัวเลขมีแนวโน้มเชิงบวกทองคำมีโอกาสปรับขึ้นได้ ขณะที่ในวันศุกร์นี้ (1 พ.ย.) จะมีการรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรของสหรัฐ ซึ่งน่าจะรายงานตัวเลขทีไม่ค่อยดีนัก อาจกดดันราคาทองคำ
แต่ในสัปดาห์ถัดไปจะมีการเลือกตั้งสหรัฐที่จะบวกกับทองคำในระยะสั้น จากความไม่แน่นอนทางการเมือง แต่ในระยะยาวถ้า โดนัลด์ ทรัมป์ ขึ้นเป็นประธานาธิบดีหรือมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองแรงๆ ก็อาจเห็นดอลลาร์แข็งค่าและกดดันทองคำได้เช่นกัน ส่วนสถานการณ์ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ โดยเฉพาะในตะวันออกกลางที่ผ่านมาหนุนราคาทองคำต่อเนื่อง ถ้ามีการเจรจาหรือผ่อนคลายอาจกระทบราคาทองคำได้
ส่วนเศรษฐกิจจีนทีชะลอตัวแม้จะฉุดความต้องการซื้อหรือดีมานด์ทองคำลงมาบ้าง แต่การที่ฐบาลจีนยังมีมาตรการกระตุ้นต่อเนื่องก็อาจไม่ฉุดดีมานด์ทองในตลาดจีนลงมามากนัก
ด้านทิศทางทองคำทีปรับขึ้นจากเงินบาทที่อ่อนค่าลงมา มองว่าถ้าทองคำปรับขึ้นมาระดับ 43,000 - 45,000 บาทต่อบาททองคำ เป็นโอกาสขายทำกำไรในทุกระดับราคา เนื่องจากทองโลกโดยภาพรวมก็น่าจะขึ้นไปได้ไม่สูงแล้ว
โดยราคาทองในตลาดโลก ปัจจุบันใกล้ 2,730 ดอลลาร์/ออนซ์ ยังมองลบในระยะสั้น ให้แนวต้านระดับไฮเดิมที่ 2,760 ดอลลาร์/ออนซ์ แต่ถ้าลงมาแถว 2,700 ดอลลาร์/ออนซ์ มองเป็นแนวรับได้แล้ว ส่วนระยะยาวยังมีโอกาสเห็น 2,800 ดอลลาร์/ออนซ์
อย่างไรก็ดี ทองคำในประเทศมีโอกาสจะปรับตัวลงไป 40,000 บาทต่อบาททองคำ ยังพอมีโอกาสอยู่ ส่วนแนวต้านด้านบนอาจไปถึง 45,000 บาทต่อบาททองคำ แต่อาจไปไม่ถึงและอาจปรับลงเลย ดังนั้น จังหวะนี้มองเป็นโอกาสขายทำกำไรกอน แต่ถ้าลงมาระดับ 41,000 บาทต่อบาททองคำ ก็เป็นระดับที่น่าสนใจในการเข้าไปรับ
ข่าวแนะนำ