TNN แนะคงการลงทุนหุ้นสหรัฐ-เอเชีย ชี้หุ้นจีนเด่นระยะสั้น 1-3 เดือน

TNN

รายการ TNN

แนะคงการลงทุนหุ้นสหรัฐ-เอเชีย ชี้หุ้นจีนเด่นระยะสั้น 1-3 เดือน

บลจ. เอ็กซ์สปริงแนะคงเงินลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐและตลาดเงินใหม่ แม้ล่าสุดธนาคารกลางจีนจะกระตุ้นผ่านนโยบายการเงินชุดใหญ่ แนะโยกเงินลงทุนบางส่วนมาคว้าโอกาสลงทุนระยะสั้น 1-3 เดือนในจีนก่อน

นายยศกร ฟอลเล็ต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็กซ์สปริง จำกัด  เปิดเผยว่า การลงทุนในตลาดหุ้นจีนมีความน่าสนใจมากขึ้น หลังธนาคารกลางจีน (PBOC) ประกาศว่าเตรียมจะกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหญ่เมื่อวานนี้ (24 ก.ย. 2567) ผ่านการผ่อนคลายนโยบายการเงิน แบ่งเป็น


1.) ปล่อยกู้ของธนาคารพาณิชย์จีนผ่านการปรับลดอัตราเงินสำรองของธนาคารพาณิชย์ (RRR) ระดับร้อยละ 0.5

2.) เตรียมปรับลดอัตราดอกเบี้ยซื้อคืน 7 วันจากระดับร้อยละ 1.7 ลงสู่ระดับร้อยละ 1.5

3) ลดอัตราวางเงินดาวน์สำหรับผู้ซื้อบ้านหลังที่ 2 จากร้อยละ 25 เหลือร้อยละ 15 


นอกจากนี้ ยังมีมาตรการสร้างเสถียรภาพในตลาดทุนด้วยการจัดตั้งกองทุนรักษาเสถียรภาพมูลค่า 8 แสนล้านหยวน (113,000 ล้านดอลลาร์) คิดเป็นร้อยละ 1.76 ของมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดหุ้นจีน ( Market Cap) ที่ 6.4 ล้านล้านดอลลาร์  โดยการดำเนินการเหล่านี้น่าจะช่วยให้ตลาดหุ้นจีนน่าสนใจลงทุนในระยะสั้น 1-3 เดือนข้างหน้า 


อย่างไรก็ดี  มองว่ายังไม่ใช่จังหวะสำหรับการลงทุนระยะยาว เพราะยังต้องรอสัญญาณการการฟื้นตัวที่ชัดเจนของเศรษฐกิจจีนผ่านข้อมูลต่างๆ ก่อน ดังนั้น การเข้ามาลงทุนในจีนจึงยังไม่ควรโยกเงินเข้ามาทั้งหมดจากตลาดหุ้นสหรัฐ หรือ จากตลาดกลุ่มประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ (Emerging Market) มาทั้งหมด ควรแบ่งบางส่วนมาสำหรับคนที่ลงทุนในจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีสหรัฐอยู่แล้ว 


เนื่องจากหุ้นสหรัฐขึ้นมามากขึ้นการจะขึ้ยแรงเหมือนเดิมเริ่มจำกัด จึงควรแบ่งขายทำกำไรก่อน และกระจายมาลงทุนในหุ้นสหรัฐกลุ่มหุ้นที่มีความผันผวนต่ำ (Defensive Stock ) ด้วย รวมทั้งลงทุนระยะสั้นในจีน เน้นไปที่หุ้นในกลุ่มที่อิงเศรษฐกิจในประเทศ (Domestic Play) อาทิ หุ้นที่เกี่ยวข้องการบริโภคในประเทศ เนื่องจากดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยังจะลดลงอีกในระยะข้างหน้าจึงยังหนุนตลาดหุ้นอยู่ รวมถึงรกระจายมาลงทุนใน Emerging Market เน้นอินเดีย อินโดนีเซีย เวียดนาม และตลาดหุ้นไทย 


เนื่องจากตลาด  Emerging Market มีแรงขับเคลื่อนจากเศรษฐกิจที่มีศักยภาพการเติบโตจากปัจจัยในประเทศสูง ขณะที่ตลาดหุ้นไทยเองเศรษฐกิจก็เริ่มฟื้นตัวและมีปัจจัยบวกจากเงินลงทุนต่างประเทศ ( Fund Flow) ไหลเข้า ภาครัฐมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและเร่งการเบิกจ่ายงบประมาณ และยังมีกองทุนรวมวายุภักษ์ หนึ่ง ที่ยอดความต้องการซื้อสูงกว่าจำนวนหน่วยที่ออกมาจำหน่าย ซึ่งจะเริ่มเข้าซื้อหุ้นได้ในเดือนต.ค.นี้ ด้วย  

ข่าวแนะนำ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง