TNN อย่ากระพริบตา...กรมศุลกากรจับ “หมูเถื่อน” ล็อตใหญ่

TNN

กิจกรรม&ข่าวประชาสัมพันธ์

อย่ากระพริบตา...กรมศุลกากรจับ “หมูเถื่อน” ล็อตใหญ่

อย่ากระพริบตา...กรมศุลกากรจับ “หมูเถื่อน” ล็อตใหญ่

อย่ากระพริบตา...กรมศุลกากรจับ “หมูเถื่อน” ล็อตใหญ่ ต้องเปิดโปงผู้บงการ

พบพระ เกศสุข ที่ปรึกษาด้านปศุสัตว์ 

อย่ากระพริบตา...กรมศุลกากรจับ “หมูเถื่อน” ล็อตใหญ่

เมื่อเร็วๆ นี้ มีข่าว “หมูเถื่อน” ล็อตใหญ่ถูกจับในห้องเย็นขนาดใหญ่ที่จังหวัดสมุทรสาคร (อีกแล้ว) ดูทรงแล้วจังหวัดนี้น่าจะเป็น “คลังเก็บหมูเถื่อนใหญ่ที่สุด” เพราะมีห้องเย็นมากที่สุดในประเทศ จึงเหมาะสมที่จะใช้เป็นสถานที่พักรอก่อนกระจายเนื้อหมูและชิ้นส่วนลักลอบนำเข้าโดยไม่ได้รับอนุญาสู่เขียงหมู ร้านหมูกระทะ ช็อปขายเนื้อหมู และผู้บริโภคทั่วประเทศ ถามว่าหมูเถื่อนเหล่านี้มาจากไหน...มาจากท่าเรือแหลมฉบังแน่ ที่สำคัญผ่านการตรวจสอบออกจากท่าเรือมาได้อย่างไรต้องสอบถาม “กรมศุลกากร” ผู้คุมกฎแต่เพียงผู้เดียวสำหรับสินค้านำเข้า-ส่งออก ต้องออกหน้า


กรมปศุสัตว์ “ผู้นำ” การจับกุมครั้งนี้ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กรมศุลกากรและเจ้าหน้าที่ตำรวจ ยึดหมูเถื่อนที่ไม่ผ่านการตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่กรมศุลกากร (ขอย้ำว่าไม่ผ่านการตรวจสอบ) คาห้องเย็นจำนวน 439.59 ตัน (439,559 กิโลกรัม) เป็นอีกหนึ่งล็อตใหญ่ของปีนี้ที่ไม่น่าเชื่อว่าจะลักลอบเข้ามาสะสมได้ในปริมาณที่คาดไม่ถึง...เห็นชัดว่าการปราบปรามอย่างจริงจังของภาครัฐโดยเฉพาะกรมปศุสัตว์ที่ดำเนินการต่อเนื่องในระหว่างเดือนกันยายน-พฤศจิกายน 2565 ทำให้การระบายของผิดกฎหมายเป็นได้ด้วยความยากลำบาก จึงมีปริมาณค้างสต๊อกจำนวนมาก

อย่ากระพริบตา...กรมศุลกากรจับ “หมูเถื่อน” ล็อตใหญ่

การจับกุมล็อตใหญ่ขนาดนี้ สังคมไม่อาจกระพริบตาได้ ต้องติดตามการเปิดโปงหัวหน้าใหญ่ขบวนการหมูเถื่อนว่าจะเป็นคนไทยหรือคนชาติใด ซึ่งเป็นหน้าที่สำคัญของเจ้าหน้าที่รัฐคือการทำงานด้วยความโปรงใส นำผู้กระทำผิดมาลงโทษตามกฎหมาย ไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างต่อไป กฎหมายการดำเนินคดีทั้งหมดอยู่ในมือกรมศุลกากร จึงนับว่าเป็นคดี “วัดใจ” ว่าจะจับตายเหล่าร้าย หรือ ปล่อยให้ลอยนวลเหมือนที่ผ่านมา


จำได้ว่าเมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2565 สมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติร่วมกับสมาคมผู้เลี้ยงทั่วไทย แถลงข่าว เรียกร้องให้ภาครัฐเอาจริงเอาจังกับการปราบปรามหมูเถื่อน เพราะเกษตรกรที่นำหมูเข้าเลี้ยงใหม่กว่า 1 ล้านตัว จะต้องจับหมูขายช่วงไตรมาสที่ 4 หาก หมูเถื่อนยังระบาดมาก โอกาสที่เกษตรกรจะลืมตาอ้าปากได้คงปิดตาย ที่สำคัญเกษตรกรพยายามหาเบาะแสและชี้เป้า “ท่าเรือแหลมฉบัง” ภายใต้การตรวจสอบของกรมศุลกากร เป็นแหล่งนำเข้าใหญ่ และมี “หมูรอการระบาย” ไม่น้อยกว่า 100 ตู้คอนเทนเนอร์ ขึ้นมาตั้งรออยู่บนฝั่งเรียบร้อย


เข้าเดือนที่ 11 แล้ว กรมศุลกากร เป็น “ผู้นำ” ในการจับกุมหมูเถื่อนร่วมกับกรมปศุสัตว์ และเจ้าหน้าที่ตำรวจเพียง 7 ครั้ง ได้ของกลางเพียง 55 ตัน จับเล็กจับน้อยกันนอกท่าเรือ...สงสัยจังคอนเทนเนอร์มีหมูเถื่อนผ่านการตรวจสอบมาได้อย่างไร ทั้งที่กรมศุลกากร รู้ปัญหาและจุดอ่อนในการปฏิบัติราชการดี แต่ยังมีของลักลอบเล็ดลอดออกมาตลอด ทั้งยังให้ท่าเรือแหลมฉบังเป็นที่พักพิงของเถื่อนอีก 100 ตู้ เสียบปลั๊กตู้เย็น เก็บค่าเช่าพื้นที่และค่าไฟฟ้า 4,000 บาทต่อวัน พร้อมลากตู้ออกเมื่อไหร่จ่ายธรรมเนียมอีกประมาณ 550,000 บาทต่อตู้ เปิดทางสะดวกลากออกมาเหมือนสินค้านำเข้าปกติ

อย่ากระพริบตา...กรมศุลกากรจับ “หมูเถื่อน” ล็อตใหญ่

เป็นที่ทราบกันแล้ว ว่า หมูเถื่อนลักลอบนำเข้าสร้างความเสียหายต่ออุตสาหกรรมการเลี้ยงหมูของไทย โดยเฉพาะเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดโรค ASF ที่กรมปศุสัตว์ร่วมมือกับเกษตรกรทั่วประเทศอย่างเข็มแข็งควบคุมโรคได้ดีต่อเนื่อง ขณะที่เกษตรกรมั่นใจกลับมาฟื้นฟูฟาร์มเลี้ยงหมูเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ หมูเถื่อนยังเป็นตัวการทำลายกลไกราคาในประเทศและแย่งตลาดหมูไทย ด้วยราคาขายที่ต่ำกว่าหมูไทยเฉลี่ย 30% เพราะเป็นเนื้อสัตว์ "ตกเกรด" จากประเทศต้นทางที่ไม่นิยมบริโภค หมดอายุ ร้ายสุดคือเป็นเนื้อหมูติดโรคระบาด มีเชื้อโรคติดมา ซึ่งมีผลกระทบโดยตรงกับสุขอนามัยของผู้บริโภค ดังนั้น กรมศุลกากร ต้องใช้กฎหมายในมือดำเนินคดีกับผู้กระทำให้ถึงที่สุดทุกกรณี และเปิดเผยตัวผู้บงการให้สาธารณชนรับทราบให้ได้รับโทษทางสังคมเพิ่มเติม

ข่าวแนะนำ