"กรดไหลย้อน" ปล่อยไว้นาน เสี่ยงมะเร็งหลอดอาหาร
"หมอเจด" นพ.เจษฎ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ออกมาเตือนพร้อมให้ความรู้เกี่ยวกับโรคกรดไหลย้อน ซึ่งเป็นปัญหาสุขภาพที่พบได้บ่อยโดยเฉพาะในคนทำงาน โดยระบุว่า หากป่วยแล้วยังไม่รักษา หรือปรับเปลี่ยนพฤติกรรม มีความเสี่ยงที่กรดไหลย้อนลุกลามกลายเป็นโรคมะเร็งหลอดอาหารได้
1. กรดไหลย้อนคืออะไร? ทำไมต้องระวัง!
กรดไหลย้อน (GERD) อาจฟังดูเป็นโรคที่หลายคนมองว่าไม่ร้ายแรง แค่แสบคอหรือแน่นหน้าอก แต่จริงๆ แล้วมันอันตรายกว่านั้นนะ กรดไหลย้อนเกิดจากกล้ามเนื้อหูรูดที่กั้นระหว่างกระเพาะอาหารกับหลอดอาหารทำงานผิดปกติ ทำให้กรดจากกระเพาะไหลย้อนขึ้นมาถึงคอ
บางคนคิดว่าเป็นแค่อาการจุกแน่นหรือปวดร้อนกลางอก แต่ความจริงคือถ้าปล่อยไว้เรื้อรัง อาจเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งหลอดอาหารได้ เรื่องนี้ไม่ใช่การขู่ แต่มีหลักฐานชัดเจนว่าผู้ที่มีอาการกรดไหลย้อนเรื้อรังอาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงของเซลล์ในหลอดอาหาร กลายเป็นเซลล์ที่ผิดปกติได้ ดังนั้น จึงจำเป็นต้องดูแลและรักษาให้ถูกต้องนะครับ
2. อาการแบบไหนที่มีความเสี่ยง!
บางคนอาจจะคิดว่าแค่อาการจุกแน่นกลางอกบ้าง ไม่ต้องไปหาหมอหรอก! แต่อาการกรดไหลย้อนแบบเรื้อรังอาจทำให้เกิดการอักเสบเรื้อรังของหลอดอาหาร และส่งผลให้เกิดแผลในหลอดอาหารได้ อาการที่ควรระวังคือ จุกเสียดกลางอกเป็นเวลานาน โดยเฉพาะถ้าเป็นบ่อยมากกว่า 2 ครั้งต่อสัปดาห์ หรือมีอาการแสบที่คอ เสียงแหบตอนเช้า รู้สึกกลืนอาหารลำบาก อาการเหล่านี้ถ้าไม่รักษาอาจเกิดเป็นภาวะหลอดอาหารของ Barrett (Barrett’s Esophagus) ซึ่งเป็นภาวะที่เพิ่มความเสี่ยงของมะเร็งหลอดอาหาร ดังนั้น หากมีอาการเหล่านี้ควรเข้ารับการตรวจเพื่อความสบายใจ
สรุปข่าว
3. การป้องกันกรดไหลย้อนแบบง่ายๆ ที่คุณทำได้เอง
อย่าเพิ่งคิดว่าต้องกินยารักษาเท่านั้น การป้องกันกรดไหลย้อนสามารถทำได้ด้วยการปรับพฤติกรรมบางอย่างที่ช่วยลดความเสี่ยง เช่น หลีกเลี่ยงการกินอาหารเผ็ดจัด มันจัด เปรี้ยวจัด และเลี่ยงอาหารมื้อดึก เพราะอาหารเหล่านี้อาจกระตุ้นให้กรดไหลย้อนง่ายขึ้น นอกจากนี้ควรหลีกเลี่ยงการนอนหลังทานอาหารใหม่ๆ ควรเว้นอย่างน้อย 2 ชั่วโมงก่อนนอน
และที่สำคัญคือหลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ เพราะทั้งสองอย่างนี้ทำให้กล้ามเนื้อหูรูดหลอดอาหารอ่อนแอลง ทำให้กรดไหลย้อนง่ายขึ้น การป้องกันกรดไหลย้อนจึงไม่ได้ยาก แค่เริ่มต้นด้วยการปรับพฤติกรรมเล็กๆ น้อยๆ ที่ทำได้เอง
4. การรักษากรดไหลย้อนเมื่ออาการเริ่มเรื้อรัง
เมื่ออาการกรดไหลย้อนเริ่มเป็นบ่อยและนานเกินไป การรักษาจึงเป็นสิ่งจำเป็น ส่วนใหญ่การรักษาจะเริ่มด้วยยาลดกรดเพื่อลดการอักเสบ และช่วยบรรเทาอาการแน่นกลางอกหรือแสบคอ ในบางกรณีแพทย์อาจแนะนำการใช้ยาลดกรดชนิดที่แข็งแรงขึ้นเพื่อรักษาภาวะกรดไหลย้อนเรื้อรัง ถ้าอาการยังไม่ดีขึ้นและเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็ง อาจจำเป็นต้องใช้การผ่าตัดเพื่อลดการไหลย้อนของกรด ไม่ว่าการรักษาจะเป็นแบบใด การรักษาให้เร็วที่สุดจะช่วยลดโอกาสเสี่ยงของการเกิดมะเร็งในหลอดอาหารได้
5. กรดไหลย้อนกับมะเร็งหลอดอาหาร ความเสี่ยงที่ไม่ควรมองข้าม
การเป็นกรดไหลย้อนเรื้อรังถือเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญของการเกิดมะเร็งหลอดอาหาร เนื่องจากการที่กรดไหลย้อนขึ้นมาสัมผัสเยื่อหลอดอาหารบ่อยๆ จะกระตุ้นให้เซลล์บริเวณหลอดอาหารมีการเปลี่ยนแปลง เช่น ภาวะ Barrett’s Esophagus ซึ่งถือว่าเป็นภาวะก่อนมะเร็ง การตรวจวินิจฉัยเร็วจะช่วยในการรักษาและลดโอกาสเกิดมะเร็งได้ โดยวิธีการตรวจที่ใช้กันทั่วไปคือการส่องกล้อง (endoscopy) เพื่อดูหลอดอาหาร การตรวจและรักษาแต่เนิ่นๆ จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งในหลอดอาหารและรักษาคุณภาพชีวิตของเราไว้ได้