ฝุ่นพิษ PM 2.5 ดันเครื่องฟอกอากาศ ยอดขายพุ่ง 3 เท่า l การตลาดเงินล้าน

คุณ อำนาจ สิงหจันทร์ หัวหน้าฝ่ายการตลาด บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด ให้ความเห็นว่า ปัจจุบัน ผู้บริโภคมีความตื่นตัวมากขึ้น จากสภาพอากาศฝุ่นซึ่งมีตัวเลขที่น่ากลัว และสื่อสังคมออนไลน์ก็ทำให้สามารถเข้าถึงข้อมูลได้เร็วขึ้น ดังนั้น ความต้องการซื้อเครื่องฟอกอากาศจึงสูงขึ้นมากในช่วงนี้และจากการติดตามในช่องทางขายทั้งหน้าร้านของแบรนด์ LG และในช่องทางออนไลน์ พบว่ามียอดขายเพิ่มขึ้นกว่า 2-3 เท่า 

ซึ่งพฤติกรรมการเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศของผู้บริโภค จะเลือกตามความเหมาะสมของขนาดห้องก่อน เป็นอันดับแรก เพื่อให้การใช้งานเครื่องฟอกอากาศเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ อีกปัจจัยจะดูในเรื่องเทคโนโลยี และแผ่นกรองฝุ่น ว่ามีความสามารถกรองฝุ่นอย่างไร และมีอายุการใช้งานนานแค่ไหน สุดท้ายถึงจะมามองในเรื่องของฟังก์ชันเสริมอื่น ๆ

นอกจากนี้ ยังพบว่า การที่ผู้บริโภคมีความตระหนักรู้ในเรื่องอันตรายของฝุ่น ทำให้มีความต้องการซื้อเครื่องฟอกอากาศที่มีประสิทธิภาพสูง มีจำนวนมากขึ้นด้วย 

คุณ อำนาจ กล่าวด้วยว่า ความต้องการซื้อเครื่องฟอกอากาศ สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ จึงทำให้เกิดสถานการณ์สินค้าขาดช่วง อยู่ระยะหนึ่ง สำหรับ LG มีการเร่งบริหารจัดการ โดยนำเข้าสินค้าเข้ามาเติมต่อเนื่อง เช่นส่งมาทางเครื่องบิน รวมถึงนำสินค้าบางส่วนมาจากเวียดนาม ซึ่งไม่ได้มีปัญหาเรื่องฝุ่น นำเข้ามาเติมสต็อกในไทยก่อน เพื่อให้ทันกับความต้องการของลูกค้าในขณะนี้

อย่างไรก็ดี การใช้เครื่องฟอกอากาศ จะต้องใช้อย่างถูกวิธีด้วย โดยผู้บริโภคควรปิดประตู หน้าต่าง เพื่อไม่ให้อากาศเสียเติมเข้ามาในห้องเพิ่ม เพื่ออุปกรณ์จะสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และ ควรหมั่นนำแผ่นกรองมาทำความสะอาดอยู่เสมอ ที่สำคัญ อย่าทำตัวเองให้เป็นเครื่องฟอกอากาศ การจะป้องกันได้ คือ ควรทำอากาศในบ้านให้ดีก่อนที่จะกลับมาถึงบ้าน ซึ่งสามารถทำได้ด้วยการสั่งเปิดและปิดผ่านแอปพลิเคชันได้ล่วงหน้า ก่อนถึงบ้าน และเมื่อถึงบ้านแล้ว อากาศภายในบ้านจะดีขึ้น

สรุปข่าว

คุณ พิมพ์อาภา วัฒนพานิช ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท โคเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า จากปัญหาฝุ่น PM 2.5 ทำให้ช่วงนี้ เครื่องฟอกอากาศมียอดขายเติบโตขึ้นกว่า 2 เท่า เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปี 2567 ที่ผ่านมา

โดยสถานการณ์ฝุ่นอยู่กับคนไทยมานานแล้ว ทำให้บริษัทฯ มีการเตรียมความพร้อมรองรับกับความต้องการในปัจจุบัน ขณะเดียวกันยังพบว่า ผู้บริโภคหันมารักสุขภาพมากขึ้น ทำให้เครื่องฟอกอากาศยังสามารถขายได้อย่างต่อเนื่อง 

นอกจากนี้ ยังพบว่าผู้บริโภคมักจะเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพผ่านการรับรองมาตรฐานจากองค์กรที่น่าเชื่อถือ รวมถึงการบริการที่ครบวงจร มอบความสะดวก และรับประกันหลังการขายที่ดี และสำหรับ โคเวย์ เน้นการออกผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคทุกไลฟ์สไตล์ ทั้งในแง่ของคุณภาพ และราคาที่จับต้องได้ รวมถึงการดูแลตลอดสัญญาในการทำความสะอาดและเปลี่ยนไส้กรอง เพื่อให้อุปกรณ์สามารถใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพตลอดเวลาในสถานการณ์ฝุ่นที่รุนแรงนี้ 

และจากฝุ่น PM 2.5 ที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของผู้คน เมื่อตีเป็นตัวเลขที่เกิดจากมิติค่าเสียโอกาส และประเด็นสุขภาพแล้ว รวมเป็นผลกระทบทางเศรษฐกิจ คาดว่ามีมูลค่าจะไม่ต่ำกว่า 3,000 ล้านบาท


ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินผลกระทบทางเศรษฐกิจเบื้องต้น โดยใช้สมมติฐานว่า คนกรุงเทพฯ ป่วยเป็นโรคภูมิแพ้ และระบบทางเดินหายใจไม่ต่ำกว่า 2 ล้าน 4 แสนคน และประมาณร้อยละ 50 ของจำนวนผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ อาจมีอาการเจ็บป่วยจนจำเป็นต้องเดินทางไปพบแพทย์ อย่างน้อย 1 ครั้งต่อเดือน และมีค่ารักษา ค่าเดินทาง เฉลี่ยต่อคนอยู่ที่ 1,888 บาท ถึง 2,000 บาท รวมถึงประชาชนทั่วไป อาจมีค่าใช้จ่ายในการดูแลป้องกันสุขภาพมากขึ้น ส่งผลให้ค่าเสียโอกาสจากประเด็นด้านสุขภาพ ทั้งการรักษาและการป้องกัน อยู่ที่ราว 3,000 ล้านบาท และหากรวมกิจกรรมทางเศรษฐกิจอื่น ๆ คาดว่าจะทำให้ค่าเสียโอกาสทางเศรษฐกิจ สูงกว่านี้ ซึ่งกิจกรรมพูดถึง ก็เช่น การหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมกลางแจ้ง การทำงานที่บ้าน การหยุดเรียน การท่องเที่ยว รวมถึงผลกระทบที่เกิดในพื้นที่อื่น ๆ

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุด้วยว่า การประเมินผลกระทบทางเศรษฐกิจนี้ เป็นเพียงการชี้ให้เห็นถึงเม็ดเงินผลกระทบที่เกิดขึ้นส่วนหนึ่งเท่านั้น ยังมีสิ่งที่ประเมินออกมาเป็นมูลค่าผลกระทบอย่างชัดเจนได้ยาก เช่น ผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนในระยะยาว หรือความเสี่ยงของการเกิดโรคภัยไข้เจ็บเรื้อรัง, ผลต่อภาพรวมของประเทศที่มุ่งหวังจะให้ไทยเป็นศูนย์กลางทางธุรกิจ ทั้งการท่องเที่ยว การแพทย์ และอื่นๆ ในเวทีโลก เป็นต้น

ที่มาข้อมูล : -

ที่มารูปภาพ : -