พลิกกำไร "ไปรษณีย์ไทย" ปั้น 3 New S-Curve หนุนโต l การตลาดเงินล้าน

3 ผลิตภัณฑ์บริการดังกล่าว ได้แก่ พร้อม โพสต์ (Prompt Post) เป็นระบบจัดการเอกสารอิเล็กทรอนิกส์แบบครบวงจร ที่เริ่มทดลองให้บริการตั้งแต่ปีที่แล้ว ปัจจุบันมีผู้ใช้งานกว่า 100,000 คน 

ถัดมาคือ ดีไอดี (D/ID) หรือ Digital Post ID ส่วนบุคคล ในรูปแบบการจ่าหน้าแบบใช้รหัส ซึ่งจะเริ่มใช้ในปีนี้

และ โพสต์แมน คลาวด์ (Postman Cloud) ซึ่งเริ่มทำรายได้เข้ามาแล้ว โดยเป็นการใช้ความเชี่ยวชาญและศักยภาพของพี่ไปร(บุรุษไปรษณีย์) ที่มีอยู่ทั่วประเทศ สร้างบริการรูปแบบใหม่ ๆ เช่น การเก็บข้อมูล และการสำรวจทรัพย์สินรอการขาย เป็นต้น

ด้านผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เอกก์ ภทรธนกุล กรรมการ และประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด กล่าวว่า ปี 2568 นี้ ไปรษณีย์ไทยจะผลักดันการเติบโตของทั้ง 3 ผลิตภัณฑ์ให้มากขึ้น โดยตั้งเป้าหมายการเติบโตไว้ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 50 ต่อเนื่องทุก ๆ ปี เพราะถือเป็น New S-Curve หรือธุรกิจใหม่ที่จะสร้างการเติบโตให้กับองค์กรเก่าแก่แห่งนี้ ในอนาคต

สรุปข่าว

ส่วนการปรับราคาค่าบริการ ในช่วงที่ผ่านมา รวมถึงล่าสุดด้วยที่ ไปรษณีย์ไทย ปรับขึ้นค่าบริการส่ง จดหมายประเภทซอง จดหมายประเภทหีบห่อ จดหมายประเภทซองลงทะเบียน จดหมายประเภทหีบห่อลงทะเบียน ของตีพิมพ์ ไปรษณียบัตร และพัสดุไปรษณีย์ โดยค่าบริการพิกัดแรกสำหรับจดหมายที่มีน้ำหนักไม่เกิน 10 กรัม จะอยู่ที่ ราคา 5 บาท และให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 

ดร.เอกก์ กล่าวว่า เป็นการปรับราคาให้กลับมาสู่ระดับที่สมเหตุสมผล เป็นระดับราคาปกติ และคาดว่าราคาน่าจะคงที่แล้ว และจะมีบริการใหม่ ๆ ที่เป็นบริการพรีเมียมเพิ่มเข้ามาให้บริการเป็นพิเศษมากขึ้น เช่น การรับประกันการขนส่งสินค้าที่มีมูลค่าสูง, การขนส่งแบบควบคุมอุณภูมิ รวมถึงบริการขนส่งของแปลกหลายอย่าง เช่น ขนส่งบิ๊กไบต์ ส่งต้นไม้ และส่งปลาที่ยังมีชีวิต ปลากัด จากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่ง เป็นต้น

ในเรื่องของผลประกอบการ ในปีที่ผ่านมา ในแง่ของรายได้ ดร.เอกก์ บอกว่าเติบโตดีขึ้นมากกว่าปีก่อนหน้า 


อย่างไรก็ดี สรุปผลประกอบการยังไม่ประกาศออกมา ดังนั้น พาไปดูผลประกอบการย้อนหลังของไปรษณีย์ไทยช่วงที่ผ่านมากันก่อน ซึ่งมีแนวโน้มที่ดีต่อเนื่อง

ย้อนหลังไปในช่วงที่ภาคการขนส่งมีการแข่งขันกันอย่างดุเดือด ปี 2564 ไปรษณีย์ไทย มีรายได้อยู่ที่ 21,226 ล้านบาท และพลิกจากที่เคยกำไรในปีก่อนหน้า มาเป็นขาดทุน อยู่ที่ 1,730 ล้านบาท

ต่อมาปี 2565 ขาดทุนต่อเนื่องอีก โดยรายได้ก็ลดลง อยู่ที่ 19,546 ล้านบาท และขาดทุน 3,018 ล้านบาท ซึ่งการขาดทุนที่เกิดขึ้นในช่วง 2 ปีดังกล่าว ผู้บริหารไปรษณีย์ไทย ชี้แจงก่อนหน้านี้ว่าส่วนหนึ่งมาจากการปรับโครงสร้างองค์กรด้วย

แต่พอในปี 2566 ไปรษณีย์ไทย สามารถกลับมามีกำไรได้อีกครั้ง โดยรายได้รวมเพิ่มขึ้น อยู่ที่ 20,934.47 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโตร้อยละ 7.4 จากปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 78.54 ล้านบาท

และปี 2567 เต็มปียังไม่สรุปออกมา ตัวเลขล่าสุด เป็นยอด 9 เดือน ระหว่างเดือนมกราคม ถึงกันยายน 2567 ไปรษณีย์ไทยมีรายได้รวมที่ 15,858.67 ล้านบาท กำไร 31 ล้านบาท 

โดยปีเป้าหมายรายได้ปี 2567 อยู่ที่ 21,000 ล้านบาท


ที่มาข้อมูล : -

ที่มารูปภาพ : -