นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้ลงนามความตกลงการค้าเสรี (Free Trade Agreement : FTA) ระหว่างไทย กับ “เอฟตา” หรือ สมาคมการค้าเสรีแห่งยุโรป (European Free Trade Associations : EFTA) โดยมีนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีของไทยและ นาเคิร์ท เจเกอร์ เลขาธิการเอฟตา ร่วมเป็นสักขีพยาน ที่ House of Switzerland เมืองดาวอส สมาพันธรัฐสวิส ซึ่ง FTA ไทย-เอฟตา ถือเป็น FTA ฉบับแรกของไทยกับยุโรป
นายพิชัย กล่าวว่า นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มาเป็นสักขีพยานและมีผู้แทนจากสวิตเซอร์แลนด์ นอร์เวย์ ไอซ์แลนด์ และลิกเตนสไตน์ มาร่วมลงตาม FTA กับไทย เรื่องนี้จะปรากฏไปทั่วโลก เราอยู่ในงาน World Economic Forum (WEF) จะเป็นการให้เห็นว่าประเทศไทยกลับเข้ามาสู่แผนที่โลกแล้ว
หลังจากที่เราหายไป 10 ปี ที่ไม่มีการเจรจาเขตการค้าเสรี และ FTA ไทย-เอฟตา เป็น FTA ที่มีมาตรฐานใหม่ยกไปอีกระดับหนึ่งทำให้เราขยายโอกาสสู่ FTA กับอียู ยูเออี และประเทศต่างๆ ในอนาคต แสดงให้เห็นว่าประเทศไทยมีมาตรฐานที่ดีขึ้น การได้เซ็น FTA กับประเทศที่มีมาตรฐานที่ดี จะช่วยยกระดับมาตรฐานของเรา ไทยจะได้ประโยชน์อย่างเต็มที่ทั้งด้านภาพพจน์ การลงทุนและการค้า
ทั้งนี้ ประเทศไทยกำลังเป็นแหล่งลงทุนของประเทศต่างๆ ที่จะไหลเข้ามา ปีที่แล้วเรามีการลงทุนเข้ามามากกว่า 1 ล้านล้านบาท และปีนี้จะไหลเข้ามามากขึ้นคาดว่าเราจะได้ประโยชน์อีกหลายพันล้านบาท และอนาคตการลงทุนที่เกิดขึ้นเชื่อว่าจะมีอีกเป็นหมื่นเป็นแสนล้านบาท เพราะ FTA ฉบับนี้จะนำสู่การเจรจา FTA กับอียู และมีหลายประเทศหลั่งไหลเข้ามาลงทุนในไทยเพิ่มมากขึ้น ไทยต้องเร่งให้มี FTA มากขึ้น ให้มากกว่าหรือเท่ากับเวียดนาม เพื่อแข่งขันกับเวียดนามได้ FTA ซึ่งจะเป็นแต้มต่อทำให้ไม่ต้องเสียภาษี และแข่งขันกับประเทศอื่นได้
ดังนั้นขอยืนยันว่า จะเป็นยุคทองของไทย เหมือนที่ทรัมป์ พูดว่าเป็นยุคทองของอเมริกา ผมเชื่อว่าจะเป็นยุคทองของไทย ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป และต้องช่วยกันแก้เรื่องหนี้ ตอนนี้เรามีเงินลงทุนเข้ามาเยอะ ส่งออกเราก็ดีปีที่แล้วทั้งปีร้อยละ 5.4 และปีนี้ก็จะดีต่อไป
สรุปข่าว