ไทยเนื้อหอม แบรนด์หรูต่างชาติแห่ซบ
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ในขณะที่ยอดขายสินค้าแบรนด์หรูในจีนถดถอยลงอันเนื่องมาจากผู้บริโภครัดเข็มขัดท่ามกลางสภาพเศรษฐกิจที่ซบเซา ผู้จำหน่ายสินค้าแบรนด์หรูระดับโลกหลายรายก็ได้เริ่มหันมาจับตามองประเทศไทย โดยเฉพาะการหลั่งไหลเข้ามาของนักท่องเที่ยวที่ร่ำรวยจากประเทศเพื่อนบ้านในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และที่อื่น ๆ
โจนาธาน ซิโบนี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทที่ปรึกษา ลักซ์ชูรินไซต์ (Luxurynsight) ในปารีส กล่าวว่า "ขณะนี้ประเทศไทยได้ก้าวขึ้นมาเป็นศูนย์กลางสินค้าหรูที่สำคัญ"
ข้อมูลจาก Luxurynsight เผยให้ว่า ในบรรดาร้านแบรนด์เนมต่างชาติ 26 แห่งที่เข้ามาเปิดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมานั้น ไทยคิดเป็นสัดส่วนมากที่สุดถึง 11 แห่ง
คริสทีน ลี หัวหน้าฝ่ายวิจัยเอเชียแปซิฟิกของบริษัทไนท์แฟรงค์ (Knight Frank LLP) เปิดเผยข้อมูลว่า ภายในปี 2570 คาดว่าเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะมีบุคคลที่มีความมั่งคั่งสูง หรือผู้ที่มีสินทรัพย์ 1 ล้านดอลลาร์ขึ้นไป จำนวน 1.4 ล้านคน เพิ่มขึ้นจาก 890,000 คนในปี 2565 และล่าสุดในเดือนนี้ คณะรัฐมนตรีไทยได้แก้ไขกฎระเบียบด้านวีซ่า ซึ่งทำให้ใบอนุญาตพำนักระยะยาวมีความน่าดึงดูดมากขึ้นสำหรับผู้ประกอบวิชาชีพที่มีทักษะ นักลงทุน และชาวต่างชาติที่มีความมั่งคั่ง
กรุงเทพฯ มีทำเลเป็นศูนย์กลางของภูมิภาค โดยอยู่ห่างจากเกือบทุกประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ไม่เกินสี่ชั่วโมงบิน ขณะที่ข้อมูลจากทางการไทยระบุว่า ไทยต้อนรับนักเดินทางกว่า 10 ล้านคนจากภูมิภาคเอเชียในปี 2567 เพิ่มขึ้น 8.5% จากปีก่อนหน้า ทั้งนี้ ด้วยปัจจัยสนับสนุนจากโครงการฟรีวีซ่า นักท่องเที่ยวจากอินเดียเดินทางเข้าไทยเพิ่มขึ้นเกือบ 31% สู่ระดับประมาณ 2.1 ล้านคน ขณะที่นักท่องเที่ยวจากตะวันออกกลางเพิ่มขึ้นเกือบ 24% สู่ระดับกว่า 742,000 คน ซึ่งช่วยชดเชยจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่ยังต่ำกว่าระดับก่อนการแพร่ระบาดของโควิด-19 และเมื่อพิจารณาจากภาพรวมแล้ว คาดว่าไทยจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติสูงเป็นประวัติการณ์ที่ 40 ล้านคนในปีนี้ เพิ่มขึ้นจากระดับ 35.5 ล้านคนในปี 2567
สรุปข่าว
ที่มาข้อมูล : TNN
ที่มารูปภาพ : บลูมเบิร์ก