สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า นายคาซูโอะ อุเอดะ ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เผชิญกับการตัดสินใจครั้งสำคัญเกี่ยวกับความจำเป็นที่อาจต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ในการประชุมนโยบายสัปดาห์หน้า ท่ามกลางความการคาดการณ์ที่เพิ่มขึ้นว่าอัตราดอกเบี้ยจะปรับขึ้น เว้นเสียแต่จะมีเหตุการณ์สำคัญในตลาดมาขัดขวาง เช่น เช่น ภาวะช็อกจากตลาด จากการกระทำใด ๆ ที่ไม่คาดคิดของนายโดนัลด์ทรัมป์ ที่จะกลับเข้าสู่วาระที่ 2
ในขณะที่ธนาคารกลางทั่วโลกต่างให้ความสำคัญกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเป็นหลัก รวมถึงธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) แต่ BOJ กลับเลือกแนวทางที่แตกต่างออกไป โดยนายอุเอดะและคณะกรรมการ BOJ กำลังดำเนินการเพื่อเปลี่ยนผ่านญี่ปุ่นไปสู่การใช้นโยบายการเงินแบบปกติมากขึ้นทีละน้อย หลังจากใช้มาตรการที่ผ่อนปรนมากเป็นเวลานานหลายปี
ทั้งนี้ นักเศรษฐศาสตร์ 90% ในโพลสำรวจของสำนักข่าวบลูมเบิร์กในเดือนนี้ เห็นด้วยว่าภาวะเศรษฐกิจและแนวโน้มเงินเฟ้อของญี่ปุ่นนั้นเพียงพอสำหรับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจากระดับ 0.25% ในปัจจุบัน
นอกจากนี้ อัตราแลกเปลี่ยนของเงินเยนก็เป็นอีกปัจจัยที่ต้องพิจารณา โดยเงินเยนยังคงเคลื่อนไหวอยู่ใกล้ระดับ 160 เยนต่อดอลลาร์ ซึ่งการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะช่วยลดช่องว่างอัตราดอกเบี้ยระหว่างสหรัฐและญี่ปุ่น ซึ่งอาจส่งผลให้เงินเยนแข็งค่าขึ้นและบรรเทาความกังวลเกี่ยวกับการอ่อนค่าของเงิน
อย่างไรก็ตาม การสาบานเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 47 ของนายทรัมป์ มีแนวโน้มที่จะมีอิทธิพลเหนือความรู้สึกของตลาดทั่วโลก ซึ่งอาจบดบังการประชุมเศรษฐกิจโลกที่เมืองดาวอสได้ นอกจากนี้แล้ว BOJ ยังเผชิญกับแรงกดดันอย่างหนักในการดำเนินการ ซึ่งความไม่แน่นอนในต่างประเทศและภายในประเทศอาจกระตุ้นให้ใช้แนวทางที่ระมัดระวังได้
สรุปข่าว
