การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศกำลังสร้างวิกฤตด้านสุขภาพที่รุนแรงและเร่งด่วน โดยเฉพาะในกลุ่มเด็ก ซึ่งเป็นประชากรที่เปราะบางที่สุดต่อผลกระทบจากสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว รายงานจากองค์การต่าง ๆ ทั่วโลก รวมถึงธนาคารโลกและองค์การอนามัยโลก ระบุว่าหากไม่มีการดำเนินการอย่างจริงจัง ภายในปี 2050 อาจมีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นถึง 250,000 คนต่อปีจากโรคที่เกี่ยวข้องกับโลกร้อน เช่น ท้องร่วง มาลาเรีย ภาวะทุพโภชนาการ และโรคเครียดจากความร้อน โดยกว่า 88% ของภาระโรคเหล่านี้จะตกอยู่กับเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี
เด็กเล็กมีระบบร่างกายที่ยังไม่สมบูรณ์ การเผชิญกับอุณหภูมิที่สูงจัด ควันไฟป่า มลพิษ และน้ำที่ปนเปื้อน จึงสามารถกระทบต่อสุขภาพได้อย่างรุนแรง เช่น โรคหอบหืดที่กำเริบหนักขึ้น อาการขาดน้ำและลมแดด หรือแม้แต่การเกิดนิ่วในไตจากความร้อนจัดที่ทำให้ปัสสาวะเข้มข้นเกินไป นอกจากนี้ ยังมีความเสี่ยงต่อโรคจากแมลงพาหะ เช่น ไข้เดงกี ซึ่งขยายพื้นที่ระบาดตามภูมิอากาศที่อุ่นขึ้น รวมถึงโรคทางเดินอาหารจากน้ำท่วมและแหล่งน้ำไม่ปลอดภัย
สรุปข่าว
ผลกระทบไม่ได้หยุดอยู่ที่ร่างกายเท่านั้น แต่ยังลุกลามไปถึงสุขภาพจิตและพัฒนาการของเด็ก การอพยพย้ายถิ่นจากภัยพิบัติ การสูญเสียบ้านหรือโรงเรียน รวมถึงความเครียดสะสมจากอากาศร้อนจัด ล้วนเป็นปัจจัยเสี่ยงที่นำไปสู่ภาวะซึมเศร้า ความวิตกกังวล และแม้แต่ PTSD (ภาวะเครียดหลังเหตุการณ์สะเทือนใจ) สำหรับเด็กบางคน โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในกลุ่มเปราะบาง เช่น ครอบครัวยากจนหรืออยู่ในพื้นที่เสี่ยง
บทบาทของพยาบาลเด็กจึงกลายเป็นแนวหน้าสำคัญในการรับมือกับภัยเงียบนี้ นอกจากการดูแลรักษาแล้ว พยาบาลยังสามารถให้ความรู้ครอบครัวเกี่ยวกับการเตรียมพร้อมรับมือภัยพิบัติ การจัดการโรคประจำตัวอย่างโรคหอบหืดเมื่อคุณภาพอากาศแย่ลง ตลอดจนส่งเสริมสุขภาพจิตและความเข้าใจในภาวะโลกร้อนผ่านข้อมูลจากแหล่งที่เชื่อถือได้ เช่น เว็บไซต์ของ EPA และองค์กรพยาบาลสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ ยังมีโครงการอย่าง BRACE ของ CDC ที่ส่งเสริมการพัฒนานโยบายสุขภาพที่ยั่งยืน พร้อมผสานหลักความเท่าเทียมและความยุติธรรมทางสังคม เพื่อให้การแก้ปัญหานี้ครอบคลุมและเข้าถึงได้สำหรับทุกคน
การดูแลสุขภาพเด็กในยุคโลกร้อนจึงไม่ใช่เรื่องของบุคคลใดบุคคลหนึ่ง แต่เป็นภารกิจร่วมกันของทุกภาคส่วน ที่ต้องเร่งสร้างระบบสาธารณสุขที่ยืดหยุ่น เพิ่มการเข้าถึงทรัพยากรพื้นฐาน และส่งเสริมการวิจัยเพื่อออกแบบนโยบายที่ปกป้องเด็กในวันนี้ และอนาคตของโลกในวันข้างหน้
ที่มาข้อมูล : contemporarypediatrics.com
ที่มารูปภาพ : Reuters
สุนิดา สวัสดิพรพัลลภ