
ผู้ประสบภัยแผ่นดินไหวในเมียนมากำลังเผชิญความยากลำบากเพิ่มขึ้น หลังเกิดฝนตกหนักและลมกระโชกแรงในหลายพื้นที่ ส่งผลให้การกู้ภัยและการให้ความช่วยเหลือบรรเทาทุกข์เป็นไปอย่างยากลำบาก โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ประชาชนต้องอพยพออกจากบ้านและตั้งเต็นท์อาศัยอยู่กลางแจ้ง
สถานีโทรทัศน์ MRTV ของทางการเมียนมารายงานว่า สภาพอากาศแปรปรวนมีแนวโน้มรุนแรงขึ้นในสัปดาห์นี้ โดยสำนักอุตุนิยมวิทยาเมียนมาเตือนว่า มีความเสี่ยงเกิดพายุฝนฟ้าคะนอง ลมแรง ลูกเห็บตก และดินถล่มในหลายรัฐ

สรุปข่าว
ขณะเดียวกันอุณหภูมิจะสูงขึ้นแตะ 38 องศาเซลเซียสในช่วงกลางสัปดาห์
แม้จะเกิดแผ่นดินไหวใหญ่ไปแล้วเมื่อวันที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมา แต่ตลอดวันอาทิตย์ยังเกิดอาฟเตอร์ช็อกตามมาอีกถึง 89 ครั้ง ตั้งแต่ขนาด 2.8 ไปจนถึงแรงสั่นสะเทือนระดับ 7.5
โฆษกรัฐบาลทหารเมียนมา นาวซอ มิน ตุน แถลงเมื่อวันอาทิตย์ว่า ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุแผ่นดินไหวล่าสุดเพิ่มขึ้นเป็น 3,564 ราย บาดเจ็บ 5,012 ราย และยังสูญหายอีก 210 ราย
เหตุแผ่นดินไหวสร้างความเสียหายรุนแรงใน 6 รัฐ โดยเฉพาะใน มัณฑะเลย์ สะกาย และกรุงเนปิดอว์ ซึ่งหลายพื้นที่ยังไม่มีไฟฟ้าใช้ ขาดการติดต่อสื่อสาร ถนนและสะพานหลายเส้นทางไม่สามารถใช้งานได้ ทำให้การประเมินความเสียหายและการให้ความช่วยเหลือเป็นไปอย่างจำกัด
ยอดความเสียหายเบื้องต้น จากการประเมินของรัฐบาลทหารเมียนมา ระบุว่ามี
- อาคารบ้านเรือนพังเสียหาย 5,223 หลัง
- โรงเรียน 1,824 แห่ง
- วัดและเจดีย์ 4,817 แห่ง
- โรงพยาบาลและคลินิก 167 แห่ง
- เขื่อน ฝาย และทำนบ 198 แห่ง
- ถนนสายหลัก 184 เส้นทาง
เจ้าหน้าที่จากสมาพันธ์กู้ภัยเมียนมาในภาคมัณฑะเลย์ เปิดเผยว่า ฝนตกหนักทำให้ต้องหยุดใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และเครื่องจักรที่ใช้ในปฏิบัติการค้นหา เนื่องจากความเสี่ยงด้านความปลอดภัย แต่ยืนยันจะดำเนินการกู้ภัยต่อทันทีที่สามารถกลับมาทำงานได้อย่างปลอดภัย
ขณะเดียวกัน เว็บไซต์ข่าว อิรวดี รายงานว่า ทีมกู้ภัยสามารถขนย้ายกำแพงและเศษซากจากโรงแรม "เกรท วอลล์" (Great Wall) ในเมืองมัณฑะเลย์ได้บางส่วนเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา และพบร่างผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 80 ราย อยู่ใต้ซากปรักหักพัง

สุนิดา สวัสดิพรพัลลภ