
กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์สภาพอากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้าของวันที่ 17 มีนาคม 2568
สภาพอากาศทั่วไป เตรียมรับมือ "พายุฤดูร้อน"
บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังค่อนข้างแรงจากประเทศจีนได้แผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และคาดว่าจะปกคลุมภาคเหนือ ภาคกลาง รวมถึงกรุงเทพมหานครและปริมณฑลภายในวันนี้ ในขณะที่ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อนโดยทั่วไป ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีสภาพอากาศแปรปรวน โดยจะมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น ซึ่งอาจมีฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง ลูกเห็บตกบางแห่ง และอาจเกิดฟ้าผ่าในบางพื้นที่ หลังจากนั้นอุณหภูมิจะลดลง 3-5 องศาเซลเซียส ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และลดลง 1-2 องศาเซลเซียส ในภาคเหนือ ภาคกลาง กรุงเทพมหานครและปริมณฑล รวมถึงภาคตะวันออก พร้อมกับมีลมแรง
ขอให้ประชาชนระมัดระวังอันตรายจากพายุฤดูร้อน หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ขนาดใหญ่ ใกล้สิ่งปลูกสร้างและป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง นอกจากนี้ เกษตรกรควรเสริมความแข็งแรงให้กับพืชผล และเตรียมการป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับผลผลิตทางการเกษตรและสัตว์เลี้ยง

สรุปข่าว
ลักษณะอากาศรายภาค
ภาคเหนือ มีพายุฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นในบางพื้นที่ โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดเชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง แพร่ กำแพงเพชร สุโขทัย และตาก หลังจากนั้นอุณหภูมิจะลดลง 1-2 องศาเซลเซียส โดยมีอุณหภูมิต่ำสุดอยู่ที่ 19-23 องศาเซลเซียส และอุณหภูมิสูงสุดอยู่ที่ 33-37 องศาเซลเซียส ลมพัดมาจากทิศตะวันออกเฉียงใต้ด้วยความเร็ว 10-20 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จะมีอุณหภูมิลดลง 1-3 องศาเซลเซียส โดยมีลมแรงและมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง โดยเฉพาะในพื้นที่ทางตอนล่างของภาค อุณหภูมิต่ำสุดอยู่ที่ 17-22 องศาเซลเซียส และอุณหภูมิสูงสุดอยู่ที่ 28-33 องศาเซลเซียส ลมพัดมาจากทิศตะวันออกเฉียงเหนือด้วยความเร็ว 15-30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ภาคกลาง มีพายุฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นในประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่ โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดอุทัยธานี สุพรรณบุรี กาญจนบุรี ราชบุรี นครปฐม สมุทรสงคราม และสมุทรสาคร หลังจากนั้นอุณหภูมิจะลดลง 1-2 องศาเซลเซียส โดยมีอุณหภูมิต่ำสุดอยู่ที่ 24-25 องศาเซลเซียส และอุณหภูมิสูงสุดอยู่ที่ 34-36 องศาเซลเซียส ลมพัดมาจากทิศตะวันออกเฉียงใต้ด้วยความเร็ว 10-25 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ภาคตะวันออก มีพายุฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นในประมาณ 40 เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่ โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด หลังจากนั้นอุณหภูมิจะลดลง 1-2 องศาเซลเซียส โดยมีอุณหภูมิต่ำสุดอยู่ที่ 23-26 องศาเซลเซียส และอุณหภูมิสูงสุดอยู่ที่ 31-35 องศาเซลเซียส ลมพัดมาจากทิศตะวันออกเฉียงใต้ด้วยความเร็ว 15-30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร และบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
ภาคใต้ฝั่งตะวันออก มีพายุฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นในประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่ โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดเพชรบุรีและประจวบคีรีขันธ์ อุณหภูมิต่ำสุดอยู่ที่ 23-26 องศาเซลเซียส และอุณหภูมิสูงสุดอยู่ที่ 32-35 องศาเซลเซียส ลมพัดจากทิศตะวันออก โดยตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีขึ้นมามีความเร็ว 15-30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร และบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไปมีลมตะวันออกพัดด้วยความเร็ว 15-35 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร และบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
ภาคใต้ฝั่งตะวันตก มีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นในประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่ โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดกระบี่ ตรัง และสตูล อุณหภูมิต่ำสุดอยู่ที่ 24-26 องศาเซลเซียส และอุณหภูมิสูงสุดอยู่ที่ 33-35 องศาเซลเซียส ลมพัดมาจากทิศตะวันออกด้วยความเร็ว 15-30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร และบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีพายุฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นในประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่ พร้อมกับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง หลังจากนั้นอุณหภูมิจะลดลง 1-2 องศาเซลเซียส โดยมีอุณหภูมิต่ำสุดอยู่ที่ 25-27 องศาเซลเซียส และอุณหภูมิสูงสุดอยู่ที่ 33-34 องศาเซลเซียส ลมพัดมาจากทิศตะวันออกเฉียงใต้ด้วยความเร็ว 10-25 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
สถานการณ์ฝุ่นละอองและหมอกควัน
บริเวณประเทศไทยตอนบนมีการสะสมของฝุ่นละอองและหมอกควันอยู่ในระดับดีถึงปานกลาง เนื่องจากมีฝนตกและลมพัดปกคลุมมีกำลังแรงขึ้น ในขณะที่ภาคเหนือยังคงอยู่ในระดับปานกลางถึงมาก เนื่องจากลมที่พัดปกคลุมยังคงมีกำลังอ่อน
ข้อควรระวัง
ขอให้ประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากพายุฤดูร้อนเพิ่มความระมัดระวังในการเดินทางและหลีกเลี่ยงการอยู่ในบริเวณที่มีความเสี่ยงต่ออันตรายจากสภาพอากาศที่แปรปรวน นอกจากนี้ ชาวเรือควรหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง โดยเฉพาะในพื้นที่อ่าวไทยตอนล่าง
ที่มาข้อมูล : กรมอุตุนิยมวิทยา
ที่มารูปภาพ : AFP