
ทุกปีเมื่อถึงช่วงเวลานี้ หลายพื้นที่โดยเฉพาะบริเวณที่มีป่าไม้หนาแน่นมักเผชิญกับปัญหาหมอกควันจากไฟป่า ปรากฏการณ์นี้ส่งผลกระทบต่อทั้งสุขภาพของผู้คนและความสมดุลของสิ่งแวดล้อม ทำให้วันที่ 24 ก.พ. กลายเป็นวันสำคัญที่ถูกกำหนดขึ้นเพื่อกระตุ้นให้เกิดความตระหนักและหาทางแก้ไขปัญหาร่วมกัน
“ไฟป่า” มีสาเหตุมาจากหลายปัจจัย บางครั้งเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ แต่บ่อยครั้งก็เป็นผลจากกิจกรรมของมนุษย์ การเผาพื้นที่เพื่อการเกษตร การจุดไฟโดยไม่ระมัดระวัง หรือแม้แต่ก้นบุหรี่เพียงมวนเดียวก็อาจเป็นชนวนให้เกิดเปลวไฟที่ลุกลามทำลายพื้นที่กว้างใหญ่ ผลที่ตามมานั้นร้ายแรง ไม่เพียงแต่ทำให้คุณภาพอากาศแย่ลง แต่ยังส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน ทำให้เกิดปัญหาทางเดินหายใจ และส่งผลเสียต่อระบบนิเวศที่ต้องใช้เวลาฟื้นฟูยาวนาน

สรุปข่าว
นอกจากปัญหาด้านสุขภาพแล้ว ไฟป่ายังทำให้สัตว์ป่าขาดที่อยู่อาศัย ทำลายต้นไม้ที่เป็นแหล่งผลิตออกซิเจน และทำให้ดินสูญเสียความอุดมสมบูรณ์ อีกทั้งหมอกควันที่เกิดขึ้นยังส่งผลต่อทัศนวิสัย ส่งผลต่อการเดินทางและการท่องเที่ยว และอาจทำให้เศรษฐกิจในบางพื้นที่ต้องหยุดชะงัก
การลดปัญหาหมอกควันจากไฟป่าไม่ใช่หน้าที่ของใครคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นความรับผิดชอบร่วมกันของทุกคน การหลีกเลี่ยงการเผาในที่โล่ง การให้ความรู้แก่ชุมชนเกี่ยวกับผลกระทบของไฟป่า และการสนับสนุนมาตรการป้องกันของภาครัฐ ล้วนเป็นวิธีที่ช่วยลดความรุนแรงของปัญหานี้ได้ การดูแลป่าไม้ให้คงอยู่ในสภาพสมบูรณ์ ไม่เพียงแต่ช่วยลดควันพิษ แต่ยังเป็นการรักษาสิ่งแวดล้อมให้แก่คนรุ่นต่อไป
วันรณรงค์ปลอดควันพิษจากไฟป่าเป็นโอกาสให้ทุกคนได้ย้อนกลับมามองถึงผลกระทบที่เกิดขึ้น และร่วมมือกันหาทางป้องกันเพื่อให้ท้องฟ้ากลับมาแจ่มใส อากาศกลับมาสะอาด และธรรมชาติสามารถฟื้นตัวได้อย่างยั่งยืน