ทองพุ่งใกล้ไฮเดิมรับทรัมป์สั่งลดดอกเบี้ยทันที แนะอย่าเร่งซื้อรอย่อก่อน

นายวรุต รุ่งขำ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทวายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จํากัด (YLG) เปิดเผยว่า สถานการณ์ราคาทองคำในช่วงนี้ปรับขึ้นมาแรง โดย GOLD SPOT ขยับมาเคลื่อนไหวที่ระดับ 2,772 ดอลลาร์/ออนซ์ เข้าใกล้ระดับ All-Time high เดิมในปี 2567 ที่ 2,790 ดอลลาร์/ออนซ์  โดยการปรับขึ้นของราคาทองคำในระยะนี้มีปัจจัยหนุนสำคัญมาจาก 1.) นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐได้กล่าวในงานประชุมผ่านวิดีโอต่อที่ประชุมผู้นำระดับโลกในที่ประชุมเศรษฐกิจโลก (World Economic Forum) ที่เมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ด้วการกดดันธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)โดยไม่ได้เอ่ยชื่อเฟดโดยตรง แต่กล่าวอย่างชัดเจนว่าจะพยายามหาทางลดอัตราดอกเบี้ยลงให้ได้ในทันที และหากดอกเบี้ยเฟดลดลงจะทำให้ดอกเบี้ยของธนาคารทั่วโลกปรับลดลงด้วย ซึ่งทรัมป์ระบุว่าเขาควรมีสิทธิ์ในการตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ย และเขาวางแผนที่จะพูดคุยกับ นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด 


และ 2) ภาพที่ประธานาธิบดีทรัมป์จะเข้ายุติสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ซึ่งระบุว่าจะใช้วิธีการลดราคาพลังงานลง เพื่อให้ราคาพลังงานลดลงกดดันเศรษฐกิจรัฐเซียที่มีรายได้จากการขายพลังงาน ซึ่งหากราคาพลังงานลดลงก็จะลดแรงกดดันเงินเฟ้อด้วย แต่การยุติสงครามด้วยการลดราคาพลังงานตลาดประเมินว่าน่าจะวใช้เเวลานาน ไม่น่าจะเกิดขึ้นในระยะสั้น จึงทำให้ตลาดเกิดความไม่แน่นอน และหนุนสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำ 

ทองพุ่งใกล้ไฮเดิมรับทรัมป์สั่งลดดอกเบี้ยทันที แนะอย่าเร่งซื้อรอย่อก่อน

สรุปข่าว

นอกจากนี้ ในช่วงที่ผ่านมาประเด็นความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์โลกก็ยังคงอยู่และเป็นประเด็นที่ตลาดติดตามอยู่ อาทิ เกาะกรีนแลนด์และคลองปานามา ซึ่งยังคงหนุนทองคำอยู่


โดยสถานการณ์ปัจจุบัน  YLG ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของทองคำในตลาดโลก มีแนวต้านระดับ 2,775 ดอลลาร์/ออนซ์ และแนวต้านถัดไปที่ 2790 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเมื่อใกล้ระดับนี้ที่เป็น high เดิมในปี 2567 มักจะเห็นแรงขายทำกำไรของนักลงทุน จึงควรระวังไว้ด้วย และไม่ควรเร่งเข้าซื้อ ไม่ไล่ราคาเพราะการปรับขึ้นอาจจำกัดในระยะสั้น ควรรอให้ราคาย่อลงมาก่อนจึงค่อยเข้าเก็บสะสม ส่วนแนวรับช่วงนี้มองที่ระดับ 2,744 ดอลลาร์/ออนซ์ และแนวรับถัดไปที่ 2,726 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งสามารถใช้เป็นจังหวะเข้าสะสมได้


ขณะที่ ทองคำในประเทศยังมีโอกาสปรับขึ้นตามทองโลก แต่อาจถูกกดดันจากค่าเงินบาที่อาจกละบมาแข็งค่าได้ มองแนวต้านที่ระดับ 44,350 บาท/บาททองคำ และแนวต้านถัดไปที่ 44.600 บาท/บาททองคำ ส่วนแนวรับมองระดับ 43,850 บาท/บาททองคำ  และแนวรับถัดไปที่ 43,550 บาท/บาททองคำ 


สำหรับปัจจัยสำคัญที่นักลงทุนควรติดตามในระยะ 1-2 สัปดาห์ข้างหน้า แนะนำตดตามใน 2-3 จัยสำคัญ คือ 1.การประชุมเฟด วันที่ 28-29 มกราคม 2568 2.ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันที่ 30 ม.ค. 2568 และ 3. ประเทศจีนจะปิดทำการในเทศกาลตรุษจีนปี 2568 ประมาณ 8 วัน ตั้งแต่วันที่ 28 มกราคม 2568 - วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2568 ซึ่งอาจทำให้ควมต้องการซื้อ หรือดีมานด์ทองคำในช่วงนี้ลดลงได้ 

แท็กบทความ

ทองคำ
ตรุษจีน
นโยบายประธานาธิบดีทรัมป์
แนวทางยุติสงครามรัสเซียและยูเครน
กดดันเฟดลดดอกเบี้ย